นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่กรมฯ ได้เปิดให้ผู้สนใจเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.59 ปรากฏว่ามีผู้สนใจเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐจำนวน 64 ราย โดยเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 39 ราย ใน 152 คลัง ปริมาณ 1.99 ล้านตัน (คิดเป็น 89% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) มูลค่าเสนอซื้อประมาณ 19,387.01 ล้านบาท โดยชนิดข้าวที่มีผู้เสนอราคาซื้อมากที่สุดเป็น ข้าวขาว 5% ปริมาณ 855,389.52 ตัน คิดเป็นร้อยละ 43 รองลงมา คือปลายข้าวเอวันเลิศ
กรมฯ ได้รวบรวมผลการเสนอราคาซื้อสูงสุดดังกล่าวให้ประธานกรรมการ นบข.พิจารณา ซึ่งประธาน นบข.ได้เห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 4/2559 ให้แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุด 29 ราย จำนวน 84 คลัง ปริมาณ 1.11 ล้านตัน (คิดเป็น 50% ของปริมาณข้าวที่เปิดประมูล) คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อ 11,541.03 ล้านบาท ซึ่งกรมฯ จะได้มีหนังสือแจ้งให้ผู้ชนะการประมูลเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวกับองค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ภายใน 15 วันทำการต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวต่อว่า หลังจากการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปครั้งนี้แล้ว จะคงเหลือข้าวในสต็อกของรัฐประมาณ 9.5 ล้านตัน โดยข้าวที่คุณภาพผ่านหรือใกล้เคียงมาตรฐานจะทยอยระบายเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อทดแทนผลผลิตข้าวนาปรังที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ส่วนข้าวคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานและข้าวเสื่อมคุณภาพจะระบายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ รัฐบาลโดยคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) กำหนดนโยบายชัดเจนให้การระบายข้าวต้องคำนึงถึงจังหวะเวลา และโอกาสที่เหมาะสมไม่กระทบต่อราคาข้าวในตลาด ราคาข้าวที่เกษตรกรจะได้รับ และราคาผลผลิตทางการเกษตรที่เกี่ยวข้องกรณีระบายเข้าสู่อุตสาหกรรม เพื่อมิให้การระบายข้าวเก่าของรัฐสร้างปัญหาใหม่กับข้าวในตลาดปกติ