ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 35.34/36 ใกล้เคียงช่วงเช้า ตลาดจับตาการประชุมระดับผู้นำอียูต่อกรณี Brexit

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 27, 2016 17:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 35.34/36 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียง กับช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.37/38 บาท/ดอลลาร์

ระหว่างวันเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงไป ซึ่งเป็นผลมาจากการ take profit ก่อนที่ช่วงท้ายตลาดจะกลับขึ้นมายืนอยู่ใน ระดับเดียวกับตอนเปิดตลาดในช่วงเช้า โดยช่วงนี้ต้องติดตามการประชุมระดับผู้นำของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะมีขึ้นในวันอังคารและ วันพุธนี้ โดยเฉพาะถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) และประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีต่อกรณีที่อังกฤษลง ประชามติแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (Brexit)

"หลังจากเปิดตลาดไปแล้ว ตอนสายๆ จนถึงตอนบ่าย บาทก็ไหลลง เพิ่งจะกลับมาอยู่ใกล้เคียงระดับเปิดเมื่อตอนท้าย ตลาด ที่บาทไหลลงคงเป็นเพราะมีการ take profit" นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 35.25 - 35.45 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 101.82/88 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 101.70 เยน/ดอลลาร์
  • ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1026/1030 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1000 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,424.31 จุด เพิ่มขึ้น 11.12 จุด (+0.79%) มูลค่าการซื้อขาย 44,796 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,326.36 ลบ.(SET+MAI)
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หลังจากที่อังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากการเป็นสมาชิกของ
สหภาพยุโรป หรือ Brexit แล้วนั้น ก็เป็นหน้าที่ของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะเข้าไปดูแลผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจ
ไทย ซึ่งจะต้องติดตามว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะมีผลกระทบในด้านการค้า การส่งออกกับตลาด EU รวมทั้งตลาดส่งออกอื่นๆ ของไทย
หรือไม่อย่างไร ซึ่งมองว่าผลกระทบด้านการส่งออกคงจะมีแน่นอนอยู่แล้ว

ขณะที่ผลกระทบทางด้านการเงิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องนโยบายทางการเงินนั้น คงต้องเป็นหน้าที่ของคณะ กรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะเข้ามาดูแลในส่วนนี้ ซึ่งรัฐบาลคงไม่สามารถไปสั่งการได้ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำได้คือขอให้ กน ง.เตรียมมาตรการรองรับไว้ให้เพียงพอ

  • ผู้ว่าฯ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) คาดว่า แนวโน้มการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมครึ่งปีหลังจะมีเพิ่ม
มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยจะส่งผลให้ยอดขายพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมเป็นไปตามที่ กนอ.ตั้งเป้าหมายไว้ว่าทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 3,000 ไร่
ทั้งนี้ เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เริ่มสะท้อนให้เห็นทิศทางการลงทุนที่เข้ามา
มากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 อุตสาหกรรมเชื่อมโยง เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวด
ล้อม, อุตสาหกรรมโลจิสติกส์, อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ,
อุตสาหกรรมการบิน เป็นต้น
  • ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการที่อังกฤษโหวต
แยกตัวจากสหภาพยุโรป หรือ Brexit นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจขั้นต่อไปของผู้บริหารด้านนโยบายการเงิน ซึ่งการตัดสินใจของเจ้า
หน้าที่การเงินอังกฤษและยุโรป จะเป็นตัวกำหนดว่าความเสี่ยงจะเคลื่อนไหวไปยังทิศทางใดในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า

ขณะที่การรับมือสถานการณ์ของอังกฤษนั้น EU จะต้องหาความพอดีระหว่างความเข้มงวดและความยุติธรรม โดยคำนึงถึง ความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลกระทบลูกโซ่กับประเทศอื่นๆใน EU

  • รมว.คลังอังกฤษ กล่าวว่า อังกฤษพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอนาคต พร้อมกับยอมรับว่าผลการโหวตให้ออกจากสหภาพ
ยุโรป ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการ ในขณะที่เศรษฐกิจของอังกฤษจะต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ใหม่ที่กำลังเผชิญอยู่ และมองว่า
ความผันผวนต่างๆ คงจะยังเกิดขึ้นต่อไป
  • รมว.ต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ทวงถามนายทิม ฮิทเชนส์ เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศญี่ปุ่นถึงการสร้าง
ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงทางเศรษฐกิจของบริษัทญี่ปุ่นที่อยู่ในอังกฤษ ท่ามกลางการลงประชามติครั้งประวัติศาสตร์ของอังกฤษที่ตัดสิน
ใจออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) พร้อมกันนั้น ในวันพุธนี้สถานทูตอังกฤษจะจัดการประชุม ณ กรุงโตเกียว เพื่อ
ตรวจสอบถึงเรื่องความกังวลต่างๆ ที่บริษัทญี่ปุ่นอาจต้องเผชิญจากการทำธุรกิจในอังกฤษ
  • ไลน์ คอร์ป ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นส่งข้อความชื่อดัง "LINE" อาจจะเลื่อนการกำหนดกรอบราคาเสนอขายหุ้น

IPO หลังจากตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ในภาวะผันผวนอย่างหนัก ภายหลังจากอังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพ

ยุโรป (Brexit) จากที่ก่อนหน้านี้ ไลน์ คอร์ป ประกาศว่าจะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นโตเกียววันที่ 15 ก.ค. และใน

ตลาดหุ้นนิวยอร์กวันที่ 14 ก.ค.นี้ ซึ่งไลน์ต้องการระดมทุนราว 1 แสนล้านเยน โดยผ่านทางการนำหุ้นเสนอขายต่อสาธารณชนเป็น

ครั้งแรก (IPO) เพื่อสนับสนุนธุรกิจในต่างประเทศและพัฒนาบริการใหม่ๆ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ