นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงฐานะการคลังภาคสาธารณะตามระบบ GFS (รัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และรัฐวิสาหกิจ) ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.58-มี.ค.59) ขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 359,670 ล้านบาท (คิดเป็น 2.6% ของ GDP) โดยขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 46.4%
ทั้งนี้ ภาคสาธารณะมีรายได้รวม 3,067,594 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 286,599 ล้านบาท หรือ 8.5% เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะบมจ. ปตท. (PTT), บมจ. ทีโอที และบมจ. การบินไทย (THAI) มีรายได้ลดลง สำหรับด้านรายจ่ายภาคสาธารณะมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 3,427,264 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 172,530 ล้านบาท หรือ 4.8% อันเนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ บมจ.ปตท.(PTT), บมจ.ทีโอที และ บมจ.การบินไทย (THAI) มีการเบิกจ่ายลดลง ทั้งนี้ ดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ขาดดุล 274,893 ล้านบาท (คิดเป็น 2.0% ของ GDP)
ส่วนฐานะการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2559 (ม.ค.-มี.ค.59) มีรายได้ 1,485,755 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 121,357 ล้านบาท หรือ 7.6% และมีรายจ่าย 1,607,013 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 26,973 ล้านบาท หรือ 1.7% ทั้งนี้ ดุลการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 2 ของปีงบประมาณ 2559 ขาดดุล 121,258 ล้านบาท หรือ 0.9% ของ GDP
และเมื่อพิจารณาดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงานและทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมดอกเบี้ยรับและดอกเบี้ยจ่าย รวมทั้งการชำระต้นเงินกู้) ขาดดุล 93,488 ล้านบาท หรือ 0.7% ของ GDP