นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนของมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม ได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยรัฐบาลมีนโยบายให้บริษัทเอกชนไทย เข้าไปช่วยเหลือสังคม และพัฒนาท้องถิ่น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งเชื่อมั่นว่าบริษัทเอกชนไทย จะสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ตรงเป้าหมาย ทำให้เกิดผลดีต่อประเทศในภาพรวม โดยค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริษัทเอกชนจะสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ มาตรการภาษีที่สนับสนุนให้บริษัทขนาดใหญ่ เข้าไปช่วยเหลือบริษัทขนาดกลาง-ขนาดเล็ก (SMEs) ทั้งการจัดหาแหล่งเงินทุน และการให้ความรู้ เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และระบบบัญชี รวมถึงการอัพเกรดโปรแกรมต่างๆ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยเบื้องต้น หากบริษัทขนาดใหญ่นำเงินลงไปช่วยเหลือ SMEs มีวงเงินจำนวน 10,000 บาท จะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 20,000 บาท หรือประมาณ 1 เท่า เพื่อเป็นการลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ
อนึ่ง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ได้มีมติเห็นชอบหลักการมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคม
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีแผนที่จะจัดตั้งกองทุนฟื้นฟู SMEs ที่มีหนี้ NPL เพื่อให้บริษัทเหล่านั้นสามารถมีเงินทุน ไปฟื้นฟูกิจการ และแข่งขันได้ต่อไป คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้เช่นกัน
สำหรับการช่วยเหลือ SMEs ใน 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้สนับสนุนผ่านมาตรการต่างๆ ในวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท เช่น โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ,การช่วยเหลือกองทุนร่วมลงทุน (เวนเจอร์ แคปปิตอล ฟันด์) เป็นต้น เพื่อให้ SMEs ที่มีอยู่ในประเทศราว 90% ของธุรกิจในไทย สามารถเจริญเติบโตไปได้อย่างมั่นคง