นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เตรียมวงเงิน 30,000 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ" อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1 - 4 เท่ากับ MRR – 3.5% ต่อปี (หรือ 3.25% ต่อปี) คิดจาก MRR ธอส.ปัจจุบัน เท่ากับ 6.75% ต่อปี ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1% ต่อปี (กรณีซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกฯคิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR) ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ขยาย ซ่อมแซม ไถ่ถอน ซื้อที่ดินเปล่าที่เป็นทรัพย์ NPA ของ ธอส.พร้อมปลูกสร้าง กู้ชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยและซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย วงเงินให้กู้สูงสุดไม่เกิน 100% ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขาย (พิจารณาราคาที่ต่ำกว่า) ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 30 ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างโอกาสให้คนไทยมีบ้าน โดยเฉพาะการมีที่อยู่อาศัยของกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
"โครงการบ้าน ธอส.เพื่อข้าราชการ นับเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Social Solution ของธนาคารที่ต้องการดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งการกำหนดอัตราดอกเบี้ย MRR – 3.5% ต่อปี นานถึง 4 ปี จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยให้กลุ่มข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ เพื่อให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้ง่ายยิ่งขึ้น"
นายฉัตรชัย กล่าวว่า การกู้เงินได้เปิดกว้างให้ทั้งการซื้อบ้านใหม่ บ้านมือสอง ซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน กู้เพื่อซ่อมแซมบ้านหรือต่อเติม รวมถึงกู้เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม โดยไม่จำกัดวงเงินในการกู้ขึ้นอยู่กับความสามารถในการผ่อนชำระของข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. - 30 ธ.ค. 59
สำหรับในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้แล้ว 6.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าช่วงที่เหลือของปีจะปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมายที่ 1.7 แสนล้านบาท ส่งผลให้ทั้งปีมียอดสินเชื่อคงค้างประมาณ 9 แสนล้านบาท และจะถึง 1 ล้านล้านในปี 2560 โดย ธอส.คาดว่าปีนี้จะทำกำไรได้ประมาณ 9 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 9.5 พันล้านบาท
นายสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธาน ธอส. เปิดเผยว่า โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ ถือเป็นการกู้เงินซื้อบ้านที่ผ่อนปรนมาก โดยธนาคารไม่คิดต้นทุนค่าดำเนินการ ทำให้คิดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ต่ำ เงินที่ปล่อยกู้เป็นเงินของธนาคารเองทั้งหมด และธนาคารไม่ขอเงินสนับสนุนจากกระทรวงการคลังและรัฐบาล โดยโครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอย่างมาก
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ธอส.และธนาคารออมสิน ไปพิจารณาปรับปรุงเงื่อนไขโครงการปล่อยกู้บ้านประชารัฐ หลังจากที่ผ่านมามีคำขอพร้อมอนุมัติสินเชื่อเพียง 5 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 2 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าขั้นตอนพิจารณาสินเชื่อไม่ได้มีปัญหา แต่มีการตรวจสอบหลักฐานยื่นกู้ทำให้ขั้นตอนต้องใช้เวลา ซึ่งกระทรวงการคลังขอเวลาดูผลตอบรับโครงการปีนี้ก่อนว่า จะต้องปรับเงื่อนไขอย่างไรในปี 60