นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เผยความคืบหน้าการแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (Significant Safety Concern : SSC ) เพื่อปลดธงแดงขององค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมบุคลากรที่ได้รับมา 30 คน เพื่อเป็นผู้ตรวจสอบด้านการปฏิบัติการบิน (Flight Operation Inspector) โดยในเดือน ส.ค.นี้จะมีการเริ่มกระบวนการตรวจสอบเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ (AOC-Recertification) ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินการตรวจสอบได้อย่างน้อย 5-6 สายการบิน
ทั้งนี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า ผู้โดยสารเครื่องบินของโลกจะเติบโตปีละ 4.1% โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตสูงสุด นอกจากนี้การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เมื่อปลายปี 58 ส่งผลให้ผู้โดยสารเครื่องบินเพิ่มขึ้นภายใต้นโยบาย Single Aviation Market ซึ่งมีข้อตกลงการเข้าถึงตลาด การแลกเปลี่ยน สิทธิของประเทศสมาชิก ซึ่งสายการบินในภูมิภาคนี้จะมีการเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มความถี่ ดังนั้น ทอท.จะต้องขยายขีดความสามารถของสนามบิน 6 แห่งที่ดูแลให้รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มเป็น 150 ล้านคน/ปี ขณะที่ 28 สนามบินภูมิภาคจะต้องมีการปรับปรุงประสิทธิภาพเช่นกัน
ส่วนกรณีที่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. จัดการประชุมเชิงอภิปราย AOT sister Airport CEO Forum 2016 ภายใต้แนวคิดการสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อความสำเร็จในอนาคต ซึ่งเป็นการประชุมระหว่างผู้บริหารระดับสูงของ AOT กับผู้บริหารท่าอากาศยานชั้นนำระดับโลก และท่าอากาศยานในอาเซียน+6 ที่ ทอท.ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ 11 องค์กร โดยมีท่าอากาศยานอยู่ภายใต้บันทึกข้อตกลง 15 แห่งใน 4 ภูมิภาค ถือเป็นโอกาสดีที่ ทอท.จะได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการบริหารจัดการสนามบินในทุกๆ มิติ ทั้งด้านบริการ สังคม เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและ ก่อการร้าย เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อบางประเทศที่อาจจะมีศักยภาพในการพัฒนาสนามบินไม่เท่ากัน ซึ่งองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ให้ความสำคัญเพราะเกี่ยวข้องกับมาตรฐานความปลอดภัยทางการบิน จึงมีนโยบายให้ประเทศใหญ่ที่มีความพร้อมช่วยเหลือประเทศเล็ก ให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการและมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐาน ส่วนสนามบินของไทยนั้นมีการบริหารมาตรฐานความปลอดภัยอยู่ที่ระดับ 3 แล้ว