นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้แทนไทยเดินทางร่วมหารือกับ นายทัน มินท์ รมว.พาณิชย์เมียนมา ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมทางการค้า (Joint Trade Commission: JTC) ไทย - เมียนมา ครั้งที่ 7 เมื่อวันที่ 8 ก.ค.59 ณ กรุงเนปิดอว์ เพื่อสานต่อผลการเยือนไทยอย่างเป็นทางการของนางออง ซาน ซู จี ที่ปรึกษาแห่งรัฐสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะร่วมกันเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศ และร่วมมือยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งสองประเทศ และสานต่อนโยบายของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับอาเซียนและประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV)
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของแม่สอด-เมียวดี มีประเด็นสำคัญ คือ การตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนแม่สอด-เมียวดี ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว การจัดตั้งสภาธุรกิจระดับท้องถิ่น การตั้งคณะกรรมการร่วมการค้าชายแดนไทย-เมียนมา การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ชายแดน การพัฒนาศูนย์กลางการให้บริการด้านค้าปลีก ค้าส่ง และธุรกิจบริการ (สุขภาพ ท่องเที่ยว และการศึกษา) ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ แม่สอด-เมียวดี การจัดตั้งกลไกเพื่อส่งเสริมการลงทุนและบริหารจัดการสินค้าเกษตรตามแนวชายแดน (one-stop-service) การอำนวยความสะดวกการเคลื่อนย้ายแรงงาน การส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวโดยเฉพาะกิจกรรมท่องเที่ยวทางถนน การสถาปนาความสัมพันธ์เมืองคู่มิตร (Sister City) ระหว่างแม่สอดและเมียวดี
"ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินยุทธศาสตร์ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุนให้ทะลุเป้า 10,000 - 12,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 โดยในส่วนของไทย เพื่อเป็นการเริ่มดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ประกาศจะจัดมหกรรมการค้าชายแดนแม่สอด ครั้งที่ 2 ภายในปีนี้ เพื่อกระตุ้นการค้าบริเวณชายแดนไทยกับเมียนมา" รมว.พาณิชย์ กล่าว
พร้อมระบุว่า เมียนมารับจะปรับปรุงขั้นตอนการตรวจสอบใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า หรือ ATIGA Form D ณ ด่านชายแดน เพื่อให้สินค้าไทยที่ส่งออกไปเมียนมาภายใต้กรอบอาเซียนสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีได้รวดเร็วขึ้น และเมียนมาจะให้ความสำคัญกับธนาคารไทยเป็นลำดับแรก ในกรณีที่จะมีการออกใบอนุญาตให้ธนาคารต่างชาติเปิดสาขาธนาคารในเมียนมาได้เพิ่มเติม
นอกจากนี้ ยังตอบรับจะจัดให้มี Thai Desk เพื่อให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยในเมียนมา รวมทั้งกำลังปรับปรุงกฎหมายการลงทุนเพื่อให้สิทธินักลงทุนต่างชาติเท่าเทียมกับนักลงทุนเมียนมา และปรับปรุงกฎหมายการจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปีนี้
นางอภิรดี กล่าวด้วยว่า ไทยได้เน้นย้ำต่อที่ประชุมถึงความสำคัญของ CLMVT ในการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังจีน อินเดีย และตลาดโลกได้ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นร่วมกันที่จะผลักดันผลลัพธ์ของงาน CLMVT Forum 2016 ให้สำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเฉพาะการจัดตั้ง CLMVT Business Council และการพัฒนา Knowledge Tank เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลเศรษฐกิจที่ทันสมัยซึ่งผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ง่าย ทั้งนี้ ไทยพร้อมสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรในสาขาที่เมียนมาสนใจ และร่วมกันดำเนินโครงการเส้นทางสายผ้าทอเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและสร้างงานสร้างรายได้ในท้องถิ่น
พร้อมกันนี้ เมียนมาได้แสดงความชื่นชมต่อโครงการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ YEN-D ที่ทำให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้รู้จักคุ้นเคยและนำไปสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจระหว่างกัน และภาคเอกชนไทยได้เชิญชวนให้เมียนมาส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการของเมียนมาเข้าร่วมหลักสูตรความร่วมมือผู้บริหารตลาดทุนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องตลาดทุนและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน