นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า กรมธุรกิจพลังงานออกประกาศปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซล (B100) ในน้ำมันดีเซลจากน้ำมัน B7 เป็นน้ำมัน B5 เริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2559 เป็นต้นไป
ประกาศฉบับดังกล่าวได้ปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลขั้นต่ำจากปัจจุบันที่กำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.5 ปรับลดเป็นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5.0 โดยปริมาตร โดยที่ยังคงสัดส่วนผสมขั้นสูงไว้ตามอัตราเดิม คือไม่สูงกว่าร้อยละ 7 โดยปริมาตร
การปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลจาก B7 เป็น B5 นี้ จะทำให้การใช้ไบโอดีเซลลดลงประมาณเดือนละ 28 ล้านลิตร หรือคิดเป็นปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบสำหรับผลิตเป็นไบโอดีเซลเพื่อใช้ในภาคพลังงานที่ลดลงประมาณเดือนละ 20,000 ตัน กล่าวคือจากเดิมใช้ประมาณเดือนละ 88,818 ตัน ลดลงเหลือเดือนละ 68,818 ตัน
การปรับลดสัดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลในครั้งนี้ ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปาล์มน้ำมันที่ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตไบโอดีเซล ซึ่งจากการที่ประเทศไทยได้ประสบปัญหาภัยแล้งที่ต่อเนื่องยาวนานในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดน้อยลง อีกทั้งอัตราน้ำมันในผลปาล์มก็ลดต่ำลงจากร้อยละ 17 เหลือเพียงร้อยละ 15.36 ทำให้ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบของประเทศลดต่ำลง ในขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบได้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ดังนั้น กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงาน จึงปรับลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคพลังงานลง เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อราคาและปริมาณน้ำมันพืชปาล์มสำหรับการบริโภค
นายวิฑูรย์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธุรกิจพลังงานจะมีการติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันอย่างใกล้ชิด และเมื่อสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ก็จะปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลกลับมาเป็นน้ำมัน B7 เช่นเดิม
ทั้งนี้ กรมธุรกิจพลังงานยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนไบโอดีเซล เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยยกระดับราคาผลปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มดิบ อันจะเป็นประโยชน์โดยตรงต่อรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ช่วยลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศ ซึ่งทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคงทางด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น