นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานสภาธุรกิจไทย-มาเลเซีย กล่าวว่า การค้าและการลงทุนในมาเลเซียยังมีศักยภาพอีกมาก ซึ่งเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไปทำการค้าและการลงทุน โดยในปีที่ผ่านมา มาเลเซียนับเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทยในโลก และเป็นอันดับ 1 ของไทยในกลุ่มอาเซียน ซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 54-58) การค้าระหว่างไทยกับมาเลเซีย มีมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 2.48 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/ปี โดยในปี 58 การค้ารวมไทย-มาเลเซีย มีมูลค่า 2.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ในส่วนของการค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย ในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 4.86 แสนล้านบาท โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท และการนำเข้ามูลค่า 2.36 แสนล้านบาท ซึ่งไทยนับว่าเป็นฝ่ายเกินดุลมูลค่า 1.43 หมื่นล้านบาท มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไม้แปรรูป ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
ขณะที่มีสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ สื่อบันทึกข้อมูล ภาพ เสียง ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ เทปแม่เหล็ก จานแม่เหล็กสำหรับคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรที่ใช้ในอุตสาหกรรมและส่วนประกอบ เป็นต้น ซึ่งด่านชายแดนไทย-มาเลเซียที่มีศักยภาพทางการค้า ได้แก่ ด่านสะเดา ด่านปะดังเบซา ด่านเบตง และด่านสุไหงโกลก
"นักท่องเที่ยวจากมาเลฯ มาไทยเป็นอันดับ 2 รองจากจีน การค้าชายแดนระหว่างเราใหญ่มาก เรามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเยอะเราใกล้กันมาก แต่ต่างคนไม่ได้คุยกันไม่ได้สร้างธุรกิจต่าง ๆ ระหว่างกัน สภาธุรกิจฯที่ก่อตั้งขึ้นมาก็จะมีบาทบาทตรงนี้ ให้คำแนะนำภาคเอกชนทั้งไทย และมาเลเซียมาพบปะกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ ที่ผ่านมาทุกคนพูดถึง CLMV ไม่ได้รวมถึงมาเลเซีย แต่มาเลเซียนับเป็นเกตุเวย์เพื่อนำไทยไปสู่ตะวันออกกลางได้ เพราะมาเลเซียจะเชื่อมโยงกับตะวันออกกลางหรือแอฟริกาเยอะมาก ที่ผ่านมาเราไม่ได้ใช้ประโยชน์ส่วนนี้มากนัก"นายวิรัตน์ กล่าว
วันนี้สภาธุรกิจไทย-มาเลเซีย ได้จัดงานสัมมนา "Launching of Thailand-Malaysia Business Council" เพื่อแนะนำสภาธุรกิจไทย-มาเลเซีย อย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดรับสมัครสมาชิกเป็นครั้งแรก และเพื่อส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนของนักธุรกิจไทยในมาเลเซีย พร้อมทั้งเสริมสร้างองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับนักธุรกิจไทย รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์และการเข้ามามีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อการเสริมสร้างโอกาสทางธุรกิจทั้งไทยและมาเลเซีย
ด้านนายดำรง ใคร่ครวญ เอกอัตรราชฑูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณปีละ 4.5% เมีการเชื่อมโยงที่ดีกับประเทศทางตะวันออกกลางและแอฟริกา มีศูนย์ผลิตสินค้าฮาลาล สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมยาง มีสัดส่วนการผลิตถุงมือยางเพื่อส่งออกในตลาดโลกถึง 62% และมีศูนย์วิจัยอุตสาหกรรมยางที่สามารถผลิตสินค้าได้ถึง 3,000 รายการ ขณะเดียวกันสินค้าอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ทางมาเลเซียก็ไม่มีวัตถุดิบเป็นของตัวเอง ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ดีของไทยที่จะมีความเชื่อมโยงกันเกิดขึ้น