นางมาลี โชคล้ำเลิศ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผยข้อมูลของสภาวิจัยเศรษฐกิจประยุกต์แห่งชาติของอินเดีย (NCAER) ที่ระบุว่า ในปีนี้อินเดียจะมีชนชั้นกลางในประเทศประมาณ 267 ล้านคน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มเป็น 2 เท่า ในปี 2568-2569 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยจะมีครอบครัวชนชั้นกลางจำนวน 113.8 ล้านครอบครัว หรือ 547 ล้านคน น่าจะเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการส่งออกและนักลงทุนของไทย
"เดิมมีสินค้าหลายอย่างที่คิดว่าไม่สามารถส่งมาขายยังอินเดียได้ เนื่องจากปัจจัยด้านวัฒนธรรมและค่านิยมดั้งเดิมของอินเดีย แต่สถานการณ์ขณะนี้ได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น เมื่อก่อนผู้บริโภคอินเดียจะนิยมอาหารปรุงสดใหม่เท่านั้น แต่ปัจจุบันอาหารแช่เย็นแช่แข็งกลายเป็นสิ่งที่ต้องมีติดบ้านของชาวอินเดีย โดยในซุปเปอร์มาร์เก็ตจะมีตู้แช่เย็นสำหรับจำหน่ายสินค้าประเภทนี้เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จากเศรษฐกิจภายในอินเดียที่ปรับตัวดีขึ้นและกำลังซื้อที่สูงขึ้นของผู้บริโภคอินเดียจึงนับเป็นโอกาสอันดีต่อผู้ประกอบการและนักธุรกิจไทย" นางมาลี กล่าว
ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของชาวอินเดียภายในประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ชาวอินเดียทำงานหนักขึ้นเพื่อหารายได้ให้มากขึ้น ผู้บริโภคที่เริ่มมีฐานะจะแสวงหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับตนเองและครอบครัว เห็นได้จากยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้น 10% ในปี 2558 หรือจำหน่ายได้มากกว่า 2 ล้านคัน ส่วนรถบรรทุกขนาดกลางและใหญ่มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 31.39% หรือจำหน่ายได้จำนวน 237,952 คัน และในปี 2559 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา
ถึงแม้รัฐบาลอินเดียมีนโยบายเพิ่มโครงการสาธารณูปโภคเพื่อรองรับความเจริญทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง หากยังไม่เพียงพอ เนื่องจากชาวอินเดียมักอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งปัจจัยหนึ่งมาจากความเชื่อหรือค่านิยมทางสังคมที่ถือว่าผู้ที่ดูแลพ่อ-แม่เป็นคนดีของสังคม ดังนั้นผู้อาวุโสในครอบครัวจึงมีอิทธิพลต่อการตัดสินของคนในครอบครัว โดยเฉพาะการเลือกซื้อบ้านที่อยู่อาศัย และรถยนต์ ผู้ขายจึงมักจะนำเสนอขายต่อผู้อาวุโสมากกว่า
ในด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยเป็นอีกจุดหมายหนึ่งที่ชาวอินเดียนิยม โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ทั้งพัทยา สมุย และภูเก็ต ในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมาไทยมากกว่า 1 ล้านราย ซึ่งนับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของไทย แต่ธุรกิจที่ให้บริการต่อนักท่องเที่ยวอินเดียในไทยยังไม่มากนัก และยังสามารถขยายธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวได้อีก เช่น ร้านอาหารมังสวิรัติแบบอินเดีย การเปิดให้มีสถานที่เต้นรำในโอกาสหรือเทศกาลที่สำคัญ เนื่องจากชาวอินเดียนิยมการเต้นรำมาก
ธุรกิจด้านการจัดงานแต่งงาน การแต่งงานในอินเดียไม่ใช่เพียงการจัดพิธีหรือการจดทะเบียนสมรสเท่านั้น หากหมายถึงการรวมกันของครอบครัวของคู่บ่าวสาว การจัดงานเฉลิมฉลองจึงมีความสำคัญมากกว่า เปรียบเหมือนการจัดงานเทศกาลที่ยาวนานนับสัปดาห์เลยทีเดียว ในปีที่ผ่านมาคู่แต่งงานระดับเศรษฐีของอินเดียกว่า 300 คู่ เดินทางมาทำพิธีและจัดงานฉลองในประเทศไทย โดยบางคู่ได้เหมาโรงแรมสำหรับการฉลองดังกล่าว
นอกจากนี้ ร้านอาหารทั้งอาหารอินเดีย อาหารนานาชาติ และอาหารฟาสต์ฟูดส์ บางแห่งหันมาใช้บริการสั่งอาหารผ่านออนไลน์และแอพพลิเคชั่นในมือถือ เช่น Food Panda, Scootsy, Zomato, Box8, QikServe, Petoo, Holachef เป็นต้น