นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวเปิดงานสัมมนา Thailand Competitive Conference 2016 ภายใต้คอนเซปต์ Orchestrating National Competitiveness โดยยืนยันว่า การทุ่มเทการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยไม่ต้องการที่จะแข่งขันกับประเทศใดแต่เป็นการแข่งกับตัวเอง โดยยึดกรอบตามหลักสากลที่สถาบัน IMD (International Institute for Management Development) IMD WEF และ World Bank วางไว้ และต้องสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนเห็นความสำคัญในการช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไม่ใช่เพียงภาคเอกชนเพียงอย่างเดียว
นายสมคิด เปิดเผยถึงมุมมองต่อการขับเคลื่อนการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ใน 4 มิติ ประกอบด้วย 1.มิติในด้านจิโอโพลิติกส์ (ภูมิศาสตร์การเมือง) ซึ่งต้องทำให้ประเทศมีความยั่งยืนทางการเมือง มีความโดดเด่นในภูมิภาคและไทยก็มีความพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซียน เนื่องจากมีทรัพยากรและบุคคลากรที่มีศักยภาพ และจากการที่ตนเองเดินทางไปเยือนในหลายประเทศ ทุกประเทศก็ให้การยอมรับและต้องการใช้ไทยเป็นศูนย์กลางในการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆในอาเซียน และไทยต้องมีบทบาทที่โดดเด่นในการทำหน้าที่ประสานความร่วมมือกับทุกๆประเทศในอาเซียนให้เกิดความเข็มแข็ง และผลักดันความร่วมมือไปยังประเทศอื่นๆทั้งจีน ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ และประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้กว้างไกลขึ้น
2.มิติในด้านยุทธศาสตร์ของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาเน้นเพียงการยกระดับจีดีพีของประเทศโดยไม่ได้มีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้เกิดความสมดุล และคนส่วนใหญ่ของประเทศยังมีฐานะยากจน การเติบโตทางเศรษฐกิจกระจุกตัวอยู่ในเมืองหลวงไม่มีการกระจายตัวไปยังภูมิภาค แต่ในขณะนี้รัฐบาลได้วางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศให้เกิดความยั่งยืน เน้นการกระจายตัวด้านเศรษฐกิจและจัดสรรงบประมาณไปยังระดับภูมิภาคมากขัน สร้างการเติบโตจากท้องถิ่นและจากภายใน เพิ่มความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม ส่งเสริมให้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ผ่านคลัสเตอร์ต่างๆที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ และยกระดับฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม พร้อมทั้งมีการเตรียมงบประมาณให้การส่งเสริมให้เกิดผู้ประกอบการรุ่นใหม่ หรือสตาร์ตอัพ
3.มิติในด้านสถาบัน ทั้งด้านการเงิน กฏระเบียบต่างๆ ซึ่งภาครัฐได้มีแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติต่างๆเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ส่งเสริมเรื่องธรรมาภิบาลในภาครัฐ ปฏิรูปโครงสร้างภาษีทั้งระบบ มีการนำระบบ Cost เข้ามาตรวจสอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ พร้อมทั้งเตรียมออกพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังด้วย เพื่อต้องการให้ IMD ได้เห็นถึงความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศ (TMA) ช่วยผลักดันให้เอกชนมีความตื่นตัวและเข้ามามีส่วนช่วยในการพัฒนาด้านการแข่งขัน โดยมองว่า เอกชนต้องเป็นคนนำเดินหน้า และรัฐบาลพร้อมการสนับสนุนในทุกๆด้าน
และ 4.มิติในด้านประชาสังคม ซึ่งในขณะนี้รัฐบาลได้เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งด้านสังคมผ่านโครงการประชารัฐ และยกระดับด้านการศึกษา ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญในด้านการศึกษา และพร้อมใช้กฏหมายพิเศษเข้ามาเร่งการพัฒนาด้านการศึกษาด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสมคิด กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมอำนวยความสะดวกในการนัดหมายและพบปะกับบุคคลสำคัญๆในหน่วยงานต่างๆเพื่อสอบถามข้อมูลที่เขาต้องการจะประเมิน เพื่อจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องมากที่สุด