นายสมชาย เหมทอง รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท.มีโครงการลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 มูลค่า 8.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะสามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้ 8 ล้าน TEU โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและด้านสุขภาพ (EHIA) คาดว่าจะดำเนินการได้เสร็จในปลายปี 60 และจะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ในไตรมาส 2/60
โดยโครงการนี้อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการ PPP หลังจากนั้นจะมีการตั้งคณะกรรมการมาตรา 13 ตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ขึ้นมาดำเนินการประมูล ซึ่งคาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงครึ่งหลังปี 60 โดยรูปแบบจะเปิดให้เอกชนเข้าลงทุน 100% และให้ระยะเวลาสัมปทานในการบริหารท่าเรือ 30 ปี แต่อาจมีการทบทวนเงื่อนไขที่จะให้สัมปทานกับเอกชนอีกครั้งก่อนเปิดประมูล ทั้งนี้ตามแผนจะเริ่มก่อสร้างในปี 61 และสร้างแล้วเสร็จในปี 63
"โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 3 เป็นอภิมหาโปรเจ็กท์ มีมูลค่าถึง 8.3 หมื่นล้านบาท รองรับปริมาณขนส่งได้ 8 ล้านTEU เทียบกับท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 1 และเฟส 2 รวมกัน รับปริมาณขนส่งสินค้าได้ 10 ล้านTEU ตอนแรกจะให้เอกชนลงทุน5 หมื่นล้านบาท การท่าเรือลง 3 หมื่นล้านบาท แต่อาจจะเปิดให้เอกชนลงทุน 100% เปลี่ยนเงื่อนไขการให้ผลตอบแทนให้เอกชนมากขึ้น ตอนนี้เราทำงานออก TOR งาน detail design ขนานกันไป" นายสมชาย กล่าว
นอกจากนี้ กทท.มีโครงการ Marine Time Center บนพื้นที่ 17 ไร่ที่ท่าเรือกรุงเทพ ใกล้กับสำนักงานการท่าเรือฯ มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท ทั้งนี้จะนำเสนอคณะกรรมการ PPP เพื่อส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความก่อนว่าพื้นที่ดังกล่าว กทท.สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หรือไม่ คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามา ซึ่งคาดว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์จะให้ความสนใจกันมาก เพราะโครงการดังกล่าวจะเป็นศุนย์รวมการบริการขนส่งทางเรือที่จะเป็น one stop service