นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวการประชุม Aging Society ว่า รัฐบาลเตรียมออกแพ็จเก็จสำหรับผู้สูงอายุ ซึ่งอยากให้เริ่มที่มาตรการทางภาษี มาตรการด้านที่อยู่อาศัย และมาตรการด้านแรงงาน เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้น โดยด้านภาษีนั้น ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อส่งเสริมให้บริษัทต่างๆ ว่าจ้างผู้สูงอายุมากขึ้น โดยมีแนวคิดว่าผู้สูงอายุที่อยู่ในบริษัทนั้นๆ มีโอกาสได้ลดหย่อนภาษี 2 เท่าจากฐานเงินเดือนที่จะกำหนดไว้ และมอบหมายให้ธนาคารออมสิน จัดเตรียมสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ (Reverse Mortgate)ในกรณีที่ผู้สูงอายุมีอายุ 60 ปี และมีบ้านของตนเอง สามารถนำบ้านไปจำนองกับสถาบันการเงิน และจะได้รับเงินเป็นรายเดือน ซึ่งจะเป็นรูปแบบสมัครใจ พร้อมทั้งเตรียมจัดตั้งกองทุนบำเน็จบำนาญแห่งชาติด้วย
สำหรับมาตรการด้านที่อยู่อาศัย มอบหมายให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กำหนดหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์พิเศษในการซื้อหรือเช่าบ้านในโครงการของรัฐ สำหรับครอบครัวที่เลี้ยงดูพ่อแม่ หรือปู่ยา ตายาย จะได้รับสิทธิพิเศษก่อน
ส่วนมาตรการด้านแรงงานนั้น กระทรวงแรงงานจะมีการจัดตั้งศูนย์เพื่อให้ผู้สูงอายุที่ยังต้องการมีงานทำมาลงทะเบียนไว้ (พูลลิ่ง) และหากบริษัทใดมีความต้องการแรงงานสามารถมาดูที่ศูนย์นี้ได้ และนำไปสู่การจ้างงานได้
"การทำพูลลิ่ง เช่น อาชีพครู หลังเกษียณอายุ หากต้องการสอนหนังสือต่อ ก็มาลงทะเบียนหางานไว้ สถาบันการศึกษารายใดสนใจจะจ้างงานผู้สูงอายุ ก็มาเลือกไปจากพูลลิ่ง ตรงนี้นอกจากในเรื่องของการสร้างรายได้ ยังทำให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี และมีความสุข" นายสมคิด กล่าว
พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงเรื่องสังคมผู้สูงอายุในประเทศ จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน และสถาบันการเงินของรัฐที่เกี่ยวข้องหามาตรการดูแลผู้สูงอายุให้มีความมั่นคงในชีวิตดีขึ้น มีสุขภาพแข็งแรง และมีศักดิ์ศรีในชีวิต
นายสมคิด กล่าวว่า หลังจากนี้จะทยอยออกมาตรการดูแลผู้สูงอายุออกมาเป็นกลุ่มๆ เช่น มาตรการภาษี มาตรการที่อยู่อาศัย มาตรการแรงงาน เรื่องไหนเสร็จให้ดำเนินการได้เลย และต้องหาทางกระตุ้นให้เอกชนเข้ามาร่วมในการดูแลผู้สูงอายุด้วย รวมทั้งการจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาใกล้แล้วเสร็จ และจะดำเนินการในรัฐบาลชุดนี้
"อะไรที่ทำได้ก่อนต้องเริ่มทำเลย อย่าให้มันช้า อะไรที่ทำในรัฐบาลชุดนี้ได้ก็ทำก่อนเลย รวมถึงตอนนี้ก็คุยกันอยู่ว่าหลายอย่างต้องหาทางเพิ่ม โดยเฉพาะไอเดียเรื่องการลงทะเบียนคนจนเป็นเรื่องสำคัญ จะช่วยทำให้มีการแยกชัดเจนว่ามีกลุ่มคนชราที่อยู่ในภาคเกษตรซึ่งไม่ได้อยู่ในระบบเท่าไร จะทำให้รัฐบาลเห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ควรมีรายได้เท่าไรถึงจะอยู่ได้ รัฐบาลต่อไปจะได้จัดสรรเงินมาเพื่อดูแลให้กลุ่มเหล่านี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี" รองนายกรัฐมนตรี กล่าว