บมจ.ปตท. (PTT) และ บมจ.บางจาก ปิโตรเลียม (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีกแก๊สโซฮอล์ 95 ลงลิตรละ 15 สต. และดีเซลลงลิตรละ 30 สต. ที่เหลือคงเดิม โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.) เวลา 05.00 น. ส่งผลให้ราคาน้ำมันในสถานีบริการของ ปตท. เป็นดังนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 23.55 บาท และดีเซล ลิตรละ 24.19 บาท
ส่วนเบนซิน 95 ราคาคงเดิมที่ลิตรละ 30.66 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 คงเดิมที่ลิตรละ 23.28 บาท, E20 ลิตรละ 21.04 บาท, E85 ลิตรละ 16.99 บาท (ราคานี้ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ของแต่ละจังหวัด)
นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด BCP เปิดเผยว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เรียกเก็บเงินกองทุนน้ำมันฯ สำหรับแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 ในอัตรา 25 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้ ส่งผลให้การจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับทั้งสองผลิตภัณฑ์เพิ่มเป็นประเภทละ 0.35 บาท/ลิตร จากเดิมที่จัดเก็บประเภทละ 0.10 บาท/ลิตร ส่วนการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯสำหรับน้ำมันประเภทอื่นๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
อย่างไรก็ตาม จากการที่ผู้ค้าน้ำมันได้ปรับลดราคาน้ำมันลงเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 ในอัตรา 15 สตางค์/ลิตร และ ดีเซลลง 30 สตางค์/ลิตร ประกอบกับการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯเพิ่มเติม และราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ล่าสุดปรับขึ้นราคา จึงทำให้ผู้ค้าน้ำมันอาจต้องรับภาระขาดทุนจากการปรับลดราคาในวันพรุ่งนี้
อนึ่ง ค่าการตลาดน้ำมันวันนี้ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ระดับ 2.0241 บาท/ลิตร ,แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 1.8716 บาท/ลิตร และดีเซล อยู่ที่ 1.9271 บาท/ลิตร
ขณะที่นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า การจัดเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ เฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 เนื่องจากเป็นการปรับให้ราคาขายปลีกน้ำมันแต่ละประเภทมีความสมดุลกันมากขึ้น หลังก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดึเซลมีราคาสูงกว่าราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินค่อนข้างมาก ทั้งที่ราคาน้ำมันดีเซลเป็นน้ำมันที่ใช้ในเชิงพาณิชย์
โดยราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่ปัจจุบันอยู่ในระดับสูงนั้น เป็นผลจากราคาตลาดโลกที่สูงกว่าราคาเบนซิน อีกทั้งต้นทุนน้ำมันปาล์มที่มีราคาสูงเมื่อนำมาผสมในดีเซลทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลสูงขึ้นตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม การปรับเพิ่มเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนมีเงินไหลออกลดลงเหลือ 200 ล้านบาท/เดือน จากเดิมที่ไหลออก 350 ล้านบาท/เดือน