นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.92/96 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ 35.00 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากมีกระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามา
"ปัจจัยที่มีผลต่อเงินบาทช่วงนี้เป็นเรื่อง capital inflow เป็นหลัก ส่วนการประชุม ECB เมื่อคืนไม่มีผลมากนัก" นัก
บริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 34.90-35.00 บาท/ดอลลาร์
*ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.54 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 105.66 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1017 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1025 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0380 บาท/
ดอลลาร์
- กระทรวงการคลังเตรียมชงมาตรการช่วยธุรกิจเอสเอ็มอีเข้า ครม.สัปดาห์หน้า ตั้งกองทุนฟื้นฟู 2,000 ล้านบาท
พร้อมโครงการพี่ช่วยน้อง "สมคิด" ตะเพิดแบงก์ไม่ดูแลเอสเอ็มอีให้ไปทำโรงรับจำนำดีกว่า มอบกระทรวงอุตสาหกรรมปรับโครง
สร้างรองรับการสร้างผู้ประกอบการในอนาคต แบงก์ออมสินปล่อยกู้ซอฟท์โลน 30,000 ล้านบาท
- ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับ
ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% และคงอัตรา
ดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่
ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน
- นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า ECB มีความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อ
สร้างเสถียรภาพในตลาด ขณะที่ปัจจัย Brexit เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซน เช่นเดียวกับความล่าช้าในการ
ปรับโครงสร้างในภูมิภาค และการชะลอตัวในตลาดเกิดใหม่ ECB จะยังคงจับตาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และทางการ
เมืองอย่างใกล้ชิด
- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เรียกร้องให้สมาชิกกลุ่ม G20 ใช้นโยบายที่หลากหลายเพื่อควบคุมความ
เสี่ยง และกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ IMF ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังคงอ่อนแอและเปราะบาง ขณะที่การแยก
ตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ได้สร้างความเสี่ยงในช่วงขาลงต่อเศรษฐกิจโลก
- รายงานของรัฐบาลออสเตรเลียเผยให้เห็นว่า แม้การที่อังกฤษออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปจะส่งผลกระทบ
เชิงลบทางเศรษฐกิจ แต่ออสเตรเลียอยู่ในสถานะที่จะสามารถรับมือกับผลกระทบดังกล่าวได้ ตราบใดที่ไม่มีประเทศอื่น ๆ เจริญรอย
ตามอังกฤษ
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3
เดือน โดยลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และ
ใกล้กับระดับ 248,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 43 ปีที่ทำไว้ในกลางเดือนเม.ย.
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.พุ่งสู่ระดับสูง
สุดในรอบกว่า 9 ปี เพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.57 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2007 โดยได้
แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตก
กังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดอีกครั้ง หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า
สต็อกน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างผิดคาด ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 1 ดอลลาร์ หรือ
2.2% ปิดที่ 44.75 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนส.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้วในวันพุธที่ 20 ก.ค. ส่วนสัญญา
น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 97 เซนต์ หรือ 2.1% ปิดที่ 46.20 ดอลลาร์/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
สหรัฐ นอกจากนี้ การร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์กยังเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย สัญญา
ทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้น 11.7 ดอลลาร์ หรือ 0.89% ปิดที่ระดับ 1,331.00
ดอลลาร์/ออนซ์
- สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) หลังจาก
นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ปฏิเสธที่จะใช้นโยบาย "helicopter money" หรือการอัดฉีดเม็ดเงิน
จำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงิน โดยเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1017 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1005
ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 105.90 เยน จากระดับ 106.86 เยน