นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 34.90/93 บาท/ดอลลาร์ จากช่วง เย็นวานนี้ที่ปิดตลาดระดับ 35.00 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทวันนี้แข็งค่าจากเย็นวาน หลังจากที่เมื่อคืนคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม และยังมีการระบุว่าความเสี่ยงระยะใกล้ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจได้ลดน้อยลงแล้ว โดยวันนี้ ทิศทางเงินบาทยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ เพราะตลาดรับข่าวดังกล่าว ขณะที่ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ด้วยเช่นกัน
"วันนี้บาทแข็งค่าขึ้น รับข่าวเมื่อคืนหลังจากที่เฟดคงดอกเบี้ย ทิศทางวันนี้ยังมีโอกาสแข็งค่าได้ต่อ และต้องจับตาผล ประชุม BOJ ด้วย" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.80-35.00 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- เช้านี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.85/90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 105.39 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเช้านี้อยู่ที่ 1.1062/1066 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0999 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 35.0230 บาท/
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ปัจจัยจากการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) หรือธนาคารกลาง
- กลุ่มเกียรตินาคินภัทรปรับลดอัตราเติบโตสินเชื่อเหลือ 3-5% จากเดิม 15% เหตุเศรษฐกิจ-ยอดขายรถฟื้นตัวช้า
- กลุ่มยานยนต์ ส.อ.ท. เตรียมยื่นหนังสือถึง สศอ. ขอให้ทบทวนนโยบายส่งเสริมรถไฟฟ้าใหม่ หวั่นกระทบหลายด้าน
- นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลไม่มีการยกเลิกนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ส่วนจะมีการลงทุนเท่าใดให้เน้น
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ค.) หลังจาก
- ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงหนุนหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติอย่างไม่เป็น
- ขณะเดียวกันดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผย
- คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ 9-1 ใน
ขณะเดียวกัน เฟดระบุว่าตลาดแรงงานได้แข็งแกร่งขึ้นในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ปรับต่ออ่อนแอในเดือนพ.ค. และสิ่งบ่งชี้ อื่นๆ ได้แสดงถึงการขยายตัวของการจ้างงาน ส่วนเงินเฟ้อยังคงซบเซา และจะยังคงอยู่ในระดับต่ำในระยะใกล้ แต่จะปรับตัวสู่ระดับ เป้าหมายที่ 2% ในระยะกลาง
- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน
โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 41.92 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญา น้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย.ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 2.7% ปิดที่ 43.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- EIA เปิดเผยรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 521.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่
- มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุในรายงานว่า ระบบธนาคารเงาของจีนกำลังปกปิดการเพิ่มขึ้นของการก่อหนี้ใน
- สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย
(pending home sales) ขยับขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 111.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นอันดับ 2 ใน
รอบ 12 เดือน โดยต่ำกว่าระดับสูงสุดของปีนี้ที่ทำไว้ในเดือนเม.ย. แต่เมื่อเทียบรายปีดัชนีเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ ดัชนียัง
คงอยู่สูงกว่าระดับ 100 ซึ่งบ่งชี้ว่ายังมีการขยายตัว