ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี (TMB Analytics) คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ในการประชุมวันที่ 3 ส.ค. หลังเศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณบวกต่อเนื่องจากมาตรการภาครัฐและภาคการท่องเที่ยว แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาดูต่อไป
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย กิจกรรมเศรษฐกิจในประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก ปัจจัยหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของภาครัฐทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน ในขณะที่ภาคต่างประเทศมีเรื่อง Brexit ที่เพิ่มความไม่แน่นอนให้แก่เศรษฐกิจโลกและอาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย โดยการส่งออกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาถึงแม้จะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ยังคงหดตัวอยู่ ทางด้านการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจากการที่รายได้เกษตรกรเริ่มปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำและกระจุกตัวในธุรกิจคมนาคมและพลังงานทดแทน
ในประเด็น Brexit ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเปราะบางมากขึ้น สะท้อนจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF ปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปี 2017 ลง 0.1% เหลือ 3.4% โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและประเทศกลุ่มยูโรโซนที่อัตราการเติบโตในปีหน้าลดลงเหลือ 1.3% และ 1.4% หรือคิดเป็นการลดลงจากประมาณการครั้งก่อนถึง 0.9% และ 0.2% ตามลำดับ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังกลุ่มประเทศดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงภายใน ในเรื่องของการทำประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่จะกำหนดช่วงเวลาของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ดังนั้นจึงต้องจับตามองความต่อเนื่องของนโยบายภาครัฐ และความเชื่อมั่นของภาคเอกชนหลังการทำประชามติผ่านพ้นไป สำหรับอีกหนึ่งปัจจัยที่น่ากังวลคือการลงทุนภาคเอกชนยังอยู่ในระดับต่ำ แม้การลงทุนภาครัฐจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับสูงอย่างต่อเนื่องก็ตาม จึงเกิดคำถามว่าการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจะดึงการลงทุนภาคเอกชนให้เพิ่มขึ้นได้มากน้อยแค่ไหน ตราบใดที่กำลังการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังเหลืออยู่มาก
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทยจะยังต้องเผชิญความเสี่ยง แต่ก็คาดว่าจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ตามแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยจะขยายตัวกว่า 10.4% ในปี 2559 ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มีความคืบหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ โดยคาดว่าจะเห็นเม็ดเงินราว 5 หมื่นล้านบาท เข้าสู่ระบบในช่วงที่เหลือของปี
โดยรวมแล้ว ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังต้องเฝ้าระวัง แต่เศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ในระยะถัดไป ดังนั้นการผ่อนคลายนโยบานการเงินเพิ่มเติมจึงยังไม่จำเป็นนัก