พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "นโยบายการเตรียมความพร้อมของบุคลากรภาครัฐเพื่อรองรับการก้าวสู่ ดิจิทัลไทยแลนด์"ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าไปมาก จำเป็นต้องมีการพัฒนาบุคคลากรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประเทศไทย 4.0 และตั้งเป้าหมายในการนำดิจิตัลมาช่วยในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ สร้างโอกาสให้เกิดความเท่าเทียมโดยประชาชนสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลได้ และให้เกิดการพัฒนาทุนมนุษย์ให้ทุกคนมีทักษะและเข้าถึงเทคโนโลยีได้ พร้อมทั้งต้องมีการปฏิรูปกระบวนทัศน์ ให้การบริการภาครัฐเกิดประโยชน์ และมีความโปร่งใส
นายกรัฐมนตรี ยอมรับการยกระดับศักยภาพบุคคลากรภาครัฐด้านดิจิทัลมีความล่าช้า แต่ในวันนี้ต้องให้ความสำคัญในการบุคลากรทั้งภาครัฐและต่อยอดไปยังภาคเอกชนด้วย ซึ่งจะมีการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการประเมินผลการทำงานของบุคลากรภาครัฐด้วย พร้อมขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันสร้างระบบการทำงานขึ้นมา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในอนาคต แต่ยอมรับว่า คนไทยยังมีความขัดแย้ง คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองและยังยึดติดกับสิ่งเดิม ซึ่งเทคโนโลยีไม่สามารถช่วยในเรื่องนี้ได้
นายกรัฐมนตรี ยังได้ฝากให้บุคลากรภาครัฐ ไปคิดแนวทางในการบริหารที่เดินไปพร้อมกัน โดยไม่ขัดแย้งกับภาครัฐ และขอให้ประชาชนมีความเข้าใจด้วย ซึ่งรัฐบาลพยายามยกระดับรายได้ให้ประชาชนมีรายได้ที่สูงขึ้น ด้วยการนำดิจิทัลมาเสริมในการทำงาน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับภูมิภาค เพื่อกระจายการสร้างงานลงไปในท้องถิ่น
ทั้งนี้ การพัฒนาทุกด้านต้องสอดคล้องแผนสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และยุทธศาสต์ชาติ
ในวันนี้ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และพิธีลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงระหว่างสำนักงานอิเล็กทรอนิก องค์กรมหาชน และหน่วยงานพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อผนึกกำลังขับเคลื่อนการยกระดับศักยภาพบุคคลากรภาครัฐด้านดิจิทัล ภายใต้สถาบันบุคคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ