นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศฮ่องกงสำรวจพฤติกรรมการบริโภคทุเรียนของคนฮ่องกง เพื่อทำแผนผลักดันการส่งออกทุเรียนไปยังตลาดฮ่องกงให้ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทุเรียนแปรรูปที่นำไปทำเป็นอาหารคาวและอาหารหวาน และปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมของผู้บริโภคในฮ่องกงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการขยายตลาดทุเรียนให้ได้เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากทุเรียนสดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ทุเรียนแปรรูปที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี โดยในส่วนของอาหารคาว เช่น พิซซ่าทุเรียนอบชีส ข้าวผัดทุเรียน ไก่ตุ๋นต้มทุเรียน ซึ่งสนนราคาที่ 298 เหรียญฮ่องกงต่อถ้วย ขณะที่ปกติจะอยู่ที่ประมาณ 150-200 เหรียญฮ่องกง ส่วนของหวาน เช่น ไอศกรีมทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียน แพนเค้กทุเรียน และโมจิทุเรียน เป็นต้น
รมวงพาณิชย์ กล่าวว่า ปัจจุบันคนฮ่องกงส่วนใหญ่นิยมบริโภคทุเรียนไทย โดยพันธุ์ที่เป็นที่นิยม คือ หมอนทองและก้านยาว เพราะมีรสชาติดี หวานอร่อย เนื้อนุ่ม มีสีเหลืองทองและพูใหญ่ และไทยยังได้มีการนำเสนอพันธุ์ทุเรียนที่หลากหลายให้แก่ตลาด เพื่อป้อนความต้องการให้ตรงกับพฤติกรรมการบริโภคอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุเรียนไทยเป็นเจ้าตลาดในฮ่องกงมีสัดส่วนถึงร้อยละ 95 มีมูลค่าส่งออกถึง 307 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ยังเป็นรองตลาดจีนซึ่งถือเป็นตลาดทุเรียนอันดับหนึ่งของไทย
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจพบว่า เริ่มมีทุเรียนจากมาเลเซียเข้ามามีบทบาทในตลาดฮ่องกง โดยทุเรียนมาเลเซียมีการขยายส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจากสถิติมียอดนำเข้าที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากร้อยละ 5.91 ในปี 2554 เป็นร้อยละ 25 ในปี 2557และมาเลเซียยังทำตลาดที่ได้ผลดี คือ การติดต่อผู้นำเข้าท้องถิ่นเพื่อนำเสนอทุเรียนโดยตรง รวมทั้งโฆษณาตามสื่อต่างๆ เพื่อเสนอภาพลักษณ์ที่ดีของทุเรียน และยังพบว่าฮ่องกงมีการนำเข้าทุเรียนมาเลเซียเพื่อส่งออกต่อ (Re-Export) ไปยังจีนด้วย โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับตลาดหลักของทุเรียนจากมาเลเซียจะอยู่ที่สิงคโปร์ โดยในปี 2558 ร้อยละ 48 ของทุเรียนจากมาเลเซียถูกส่งไปยังสิงคโปร์ ขณะที่ร้อยละ 12.1 ส่งมายังฮ่องกง
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ไทยได้เตรียมการรับมือป้องรักษาส่วนแบ่งตลาดทุเรียนในฮ่องกง โดยได้จัดส่วนพิเศษสำหรับโปรโมททุเรียนไทยและในแต่ละปีจะมีการส่งเสริมการขายด้วยการจัดงาน Thailand’s Food Fair ร่วมกับห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น อย่าง AEON, Apitaและ Park n Shop ซึ่งภายในงานจะประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์อาหารจากไทย และทุเรียนก็เป็นหนึ่งในสินค้ายอดนิยม
"ไทยมีข้อได้เปรียบในการสร้างความเชื่อถือในตลาดท้องถิ่นมาอย่างยาวนาน ผู้บริโภคยังคงนิยมทุเรียนหมอนทอง ด้วยรสชาติที่ถูกปากและขนาดพูที่ใหญ่ แม้ว่าเมื่อปีที่แล้วไทยเจอข่าวลือเรื่องการนำทุเรียนไปชุบขมิ้นทำให้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสินค้าไทยไปบ้าง แต่ถ้าเปรียบเทียบการนำเข้าปีต่อปีจะพบว่าส่วนต่างลดลงไม่ได้มากนัก และในต้นปีนี้ช่วง 4 เดือนแรกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 67 ถือว่าไทยสามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อย่างรวดเร็ว" นางอภิรดี กล่าว