นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ ได้มีการพิจารณาผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดจำนวน 18 ราย ใน 78 คลัง ปริมาณ 976,291.52 ตัน คณะทำงานฯ ได้นำเสนอประธานกรรมการ นบข.พิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 แก่ผู้เสนอซื้อสูงสุดที่ผ่านเกณฑ์มูลค่าขั้นต่ำตามที่ นบข.กำหนด จำนวน 4 ราย ใน 9 คลัง ปริมาณ 45,458.99 ตัน คิดเป็นมูลค่าเสนอซื้อ 326.61 ล้านบาท
โดยในส่วนของข้าวเกรด C ข้าวผิดไปจากมาตรฐาน และข้าวผิดชนิด ได้มอบหมายองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ดำเนินมาตรการควบคุมการนำข้าวดังกล่าวนี้เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่อาหารคน เพื่อมิให้ข้าวดังกล่าวออกมาปะปนกับข้าวในตลาดต่อไป
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การตัดสินใจตกลงขายข้าวเฉพาะที่ราคาผ่านเกณฑ์เพียง 45,459 ตัน คิดเป็นร้อยละ 2.79 ของการออกประกาศขาย 1.6 ล้านตัน เพราะไม่ต้องการให้การระบายข้าวของรัฐกระทบต่อราคาข้าวในตลาด และเป็นการส่งสัญญาณว่าผู้ที่มากดราคาซื้อจะไม่ได้ข้าวไปใช้ แม้รัฐจะต้องรับภาระต่อไปก็เป็นความจำเป็น เพราะผลกระทบของการระบายข้าวในราคาต่ำกว่าเกณฑ์จะกระทบต่อตลาดโดยไม่สามารถประเมินค่าได้ และในวันนี้คณะทำงานฯ จะมีการประชุมเจรจาต่อรองราคากับผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด
สำหรับการจำหน่ายข้าวให้กับภาคเอกชนที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพื่อส่งออกต่างประเทศ ครั้งที่ 1/2559 จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย 1.บจก.เอช เอช แอล อินเตอร์เทรด 2.บจก.กรุงไทยพืชผล 3.บจก.ธนสรรไรซ์ 4.บจก.แสงฟ้าอะกริโปรดักส์ 5.บจก.แคปปิตัลซีเรียลส์ 6.บจก.พงษ์ลาภ และ 7.บจก.ไทย แกรนลักซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไรซ์ โดยคาดว่าจะได้ผลสรุปการต่อรองราคาสุดท้ายนำเสนอประธานฯ นบข. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบการจำหน่ายตามขั้นตอนต่อไป