นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2559 เห็นชอบในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 ตามโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 โดยมีพื้นที่เป้าหมายในการเอาประกันภัย จำนวน 30 ล้านไร่ทั่วประเทศ และกำหนดกรอบวงเงินงบประมาณจำนวน 3,217.13 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยแก่เกษตรกรผู้ขอเอาประกันภัย แบ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส. จำนวน 29.5 ล้านไร่ และสำหรับเกษตรกรทั่วไปอีกไม่เกิน 500,000 ไร่เพื่อเป็นการสร้างระบบประกันภัยพืชผลให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย
โดยโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2559 สำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ที่ครม.ได้ให้ความเห็นชอบนี้ มีอัตราเบี้ยประกันภัย 100 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษี) โดยรัฐบาลจะอุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัย 60 บาทต่อไร่ เกษตรกรชำระเบี้ยประกันภัย 40 บาทต่อไร่
ทั้งนี้หากเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ขอสินเชื่อใช้ในการเพาะปลูกข้าวนาปี ธ.ก.ส.จะอุดหนุนเบี้ยประกันภัยแทนเกษตรกรตามสัดส่วนของวงเงินกู้ สำหรับส่วนเกินวงเงินกู้หากเกษตรกรต้องการที่จะทำประกันภัยเพิ่มก็สามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยสมทบได้ตามความสมัครใจ
ทั้งนี้ กรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติ 7 ประเภท ได้แก่ น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และศัตรูพืชหรือโรคระบาด โดยจำนวนเงินความคุ้มครองสำหรับ 6 ภัยแรก จำนวน 1,111 บาทต่อไร่ และจำนวน 555 บาทต่อไร่ สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด ซึ่งเกษตรกรทั่วไปสามารถซื้อกรมธรรม์ได้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 15 สิงหาคม 2559 ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้า ธ.ก.ส. สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึงวันที่ 30 สิงหาคม 2559 และสำหรับพื้นที่ภาคใต้สามารถซื้อกรมธรรม์นี้ได้จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2559