พณ.แนะผู้ประกอบการไทยระวังปัจจัยด้านศก.ของญี่ปุ่นหลังการบริโภคในประเทศยังไม่ฟื้น

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 2, 2016 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจกับประเทศญี่ปุ่นจะต้องระวังถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจของญี่ปุ่น จากการที่การบริโภคในประเทศที่ยังไม่เพิ่มขึ้น และ การเน้นการจำหน่ายสินค้าญี่ปุ่นในต่างประเทศเพื่อลดการขาดดุลการค้า ซึ่งสินค้าที่สามารถจำหน่ายได้ในญี่ปุ่นนั้นจะต้องมีคุณภาพสูงและราคาที่แข่งขันได้ เนื่องจากผู้บริโภคจะไตร่ตรองในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ดี การร่วมลงทุนกับประเทศญี่ปุ่นโดยใช้เทคโนโลยีที่ดีของทั้งสองประเทศ และร่วมกันขายในประเทศอาเซียน อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจกับประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงการเลื่อนระยะเวลาปรับขึ้นภาษีบริโภคจาก 8% เป็น 10% เป็นครั้งที่ 2 จากเดิมที่กำหนดจะปรับขึ้นในเดือน เม.ย.60 เลื่อนเป็นเดือน ต.ค.62 หลังจากที่เคยประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีครั้งแรกจากเดือน ต.ค.58 เนื่องจากญี่ปุ่นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก และความถดถอยทางเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ รวมถึงการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหม่ของโลก ดังนั้น การระดมนโยบายและมาตรการของรัฐทั้งหมดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

แม้จะยังไม่เกิดเหตุการณ์ระดับวิกฤต แต่การปรับขึ้นภาษีจะทำให้อุปสงค์การบริโภคภายในประเทศอ่อนตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงได้ตัดสินใจเลื่อนระยะเวลาปรับขึ้นภาษีดังกล่าว โดยจะเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนระยะเวลาปรับขึ้นภาษีบริโภคต่อที่ประชุมสภาสมัยวิสามัญในช่วงฤดูใบไม้ร่วงต่อไป นอกจากนั้น นายอาเบะ ได้เปิดเผยว่าจะออกมาตรการทางเศรษฐกิจโดยรวมครั้งใหญ่อีกครั้งในช่วงฤดูใบไม้ร่วง 59 นี้

"จากการที่ญี่ปุ่นประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีบริโภคจากร้อยละ 8 เป็นร้อยละ 10 เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ชาวญี่ปุ่นมีความระมัดระวังและไตร่ตรองในการจับจ่ายเพิ่มขึ้น ทำให้การบริโภคในประเทศยังไม่กระเตื้อง สินค้าที่สามารถจำหน่ายได้ในญี่ปุ่นนั้นจะต้องมีคุณภาพสูงและราคาที่แข่งขันได้ อย่างไรก็ดี การร่วมลงทุนกับญี่ปุ่นเพื่อขยายตลาดในประเทศอาเซียนน่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำธุรกิจกับประเทศญี่ปุ่นในช่วงนี้"

การชะลอปรับขึ้นภาษีบริโภคดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) โดยประธาน Keidanren ได้ให้ความเห็นว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของนายอาเบะเป็นการตัดสินใจที่เข้าใจได้ เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเงินฝืดและเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอีกครั้ง แต่ในส่วนของชาวญี่ปุ่นตอบรับกระแสนี้ใน 2 แนวทาง ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งเหตุผลของกลุ่มที่เห็นด้วยเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี หากภาษีบริโภคขึ้นจะกระทบกับรายจ่ายของครัวเรือน ส่วนเหตุผลของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นห่วงงบประมาณขาดดุลของรัฐบาลที่ขาดดุลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ แม้จะประกาศเลื่อนการปรับขึ้นภาษีบริโภค แต่นายเอเบะกล่าวยืนยันจะไม่ล้มเลิกแผนการปฏิรูป การคลัง และได้เน้นย้ำว่ายังคงตั้งเป้าที่จะทำให้งบดุลหลักที่ขาดดุลอยู่เกินดุลให้ได้ในปี 63 รวมถึงมาตรการลดอัตราภาษีที่วางแผนจะนำมาใช้ในเดือน เม.ย.60 นั้น ก็จะเลื่อนตามระยะเวลาปรับขึ้นภาษีบริโภคเป็นเดือน ต.ค.62 เช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ