ครม.อนุมัติให้ออมสินใช้ 2 หมื่นลบ.ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมือง

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday August 2, 2016 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐ ใช้งบประมาณรวม 2 หมื่นล้านบาท เป้าหมายเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่อยู่ในชุมชนเมือง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนถึง 9 ล้านคน โดยจะเป็นการดำเนินการผ่านธนาคารออมสินใน 3 มาตรการ ประกอบด้วย 1.มาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชน 2.มาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชน และ 3.โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมือง

มาตรการแรก คือ มาตรการสินเชื่อประชารัฐเพื่อประชาชนนั้น ครม.มีมติให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการอิสระรายย่อย เช่น พ่อค้า แม่ค้า วินจักรยานยนต์รับจ้าง แม่บ้าน ผู้รับจ้างที่ให้บริการทั่วไป โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องมีอายุตั้งแต่ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี สามารถมาขอกู้เงินจากธนาคารออมสินได้รายละไม่เกิน 50,000 บาท แต่เมื่อรวมกับของเดิมที่เคยกู้ไว้กับโครงการธนาคารประชาชนจะต้องไม่เกินรายละ 2 แสนบาท ทั้งนี้ ระยะเวลาการผ่อนชำระคืนภายใน 5 ปี ไม่คิดดอกเบี้ยปีแรก ส่วนปีที่ 2-5 คิดดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน โดยสามารถใช้การค้ำประกันด้วยบุคคล, หลักทรัพย์ หรือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นผู้ค้ำประกัน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถยื่นเรื่องมาที่ธนาคารออมสินได้ภายในสิ้นปี 59

มาตรการที่ 2 มาตรการประชารัฐเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินประชาชนภายใต้นโยบายรัฐบาล โดยธนาคารออมสินจะพักการชำระเงินต้นและชำระดอกเบี้ยได้นานสูงสุดเป็นระยะเวลา 3 ปี และขยายระยะเวลาชำระหนี้เพิ่มได้เท่ากับระยะเวลาพักชำระเงินต้น หรือขยายเวลาการชำระหนี้ได้ 2 เท่าของระยะเวลาคงเหลือตามสัญญาเงินกู้ แต่ไม่เกิน 20 ปี โดยผู้สนใจสามารถติดต่อเข้าร่วมรับความช่วยเหลือตามมาตรการนี้ได้ภายใน 31 ส.ค.59 มาตรการที่ 3 โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาอาชีพและสร้างความรู้ทางการเงินแก่ผู้ประกอบอาชีพรายย่อยในชุมชนเมือง โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ประกอบการรายย่อย ผู้ประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 1.5 แสนครอบครอบ ครอบครัวละ 1 คน กระจายตามพื้นที่ทุกจังหวัด ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ ส.ค.-ธ.ค.59 ใช้งบประมาณรวม 163 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ