นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบมาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคลตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งจะเป็นการขยายฐานภาษีอย่างยั่งยืนในระยะยาว และโปร่งใส โดยคาดว่าจะมีผู้ประกอบการนิติบุคคลเพิ่มขึ้นราว 2.5 แสนราย ทำให้รัฐมีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอีก 4.2 พันล้านบาท
เนื่องจากที่ผ่านมาการประกอบกิจการสามารถจดทะเบียนได้ทั้งในรูปของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ซึ่งมีความแตกต่างกันใน 2 ประเด็น คือ 1.การจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลจะต้องมีการจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย และมีผู้สอบบัญชีเพื่อความโปร่งใส และ 2.การเสียภาษีในกรณีที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถที่จะเลือกเสียภาษีแบบเหมาจ่ายได้ สามารถหักค่าใช้จ่ายได้สูงเกินความจริง
สาระสำคัญของมาตรการดังกล่าว ได้แก่ 1.กำหนดอัตราการหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาในทุกกรณีไม่เกิน 60% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.60, 2.ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ สำหรับการโอนทรัพย์สินให้กับบริษัทที่จัดตั้งใหม่ มีผลตั้งแต่วันนี้จนถถึงวันที่ 31 ธ.ค.59 เป็นการลดค่าใช้จ่ายเพื่อจูงใจให้มีการเปลี่ยนการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล 3.บริษัทที่มีทุนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท รายได้ไม่เกิน 30 ล้านบาทในวันสุดท้ายของรอบบัญชี สามารถนำรายจ่ายที่เกิดจากการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่ ค่าทำบัญชี และค่าสอบบัญชี มาหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าเป็นเวลาห้ารอบบัญชี 4.กระทรวงมหาดไทยจะลดค่าธรรมเนียมการโอนอสังหาริมทรัพย์และห้องชุดสำหรับผู้ที่โอนจากกิจการส่วนบุคคลมาเป็นนิติบุคคลจาก 2% เหลือ 0.01% 5.สามารถโอนใบอนุญาตในการประกอบกิจการในชื่อส่วนตัวมาเป็นนิติบุคคลได้
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจากได้ประสานไปยังกระทรวงต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการออกใบอนุญาต เช่น ใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำมันเชื้อเพลิง ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอ ครม.ให้พิจารณาร่างกฎหมายนิติบุคคลคนเดียวจากเดิมที่จะต้องใช้ชื่อขั้นต่ำ 3 คน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ