นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการภาคธุรกิจต่อเศรษฐกิจและธุรกิจหลังการลงประชามติ พบว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าเศรษฐกิจและการเมืองของไทยภายหลังการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะดีขึ้นทั้งในช่วงเวลาปัจจุบัน, ในอีก 3 เดือนข้างหน้า และในอีก 6 เดือนข้างหน้า
โดยนักธุรกิจในประเทศถึง 69.7% มีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ส่วนอีก 13.2% มีความเชื่อมั่นเท่าเดิม และมีเพียง 5.3% ที่เชื่อว่าจะแย่ลง ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศถึง 69.7% มีความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ส่วนอีก 13.2% มีความเชื่อมั่นเท่าเดิม และมีเพียง 3.9% ที่เชื่อว่าจะแย่ลง
ทั้งนี้ นักธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศมีทัศนะที่ดีขึ้นต่อแนวนโยบายการพัฒนาประเทศทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยนักธุรกิจส่วนใหญ่ เชื่อว่าในปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.01-3.50% ขณะที่คาดว่าปี 2560 นักธุรกิจส่วนใหญ่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 3.51-4.00% โดยตั้งแต่ไตรมาส 1/60 ผู้ประกอบการเตรียมขยายตลาดและหาลูกค้าเพิ่ม รวมทั้งจะเพิ่มการจ้างงานให้มากขึ้น รวมทั้งภายในปี 60 จะมีการขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนเพิ่มเติมด้วย
สำหรับทัศนคติต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ยั่งยืน โดยเห็นว่าแผนระยะสั้นที่รัฐบาลควรดำเนินการ เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากให้มีกำลังซื้อ, ส่งเสริมรายได้ให้กับฐานราก, ออกมาตรการเสริมสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจ SMEs, การพิจารณาราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่ดี, การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ และการเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน และนักลงทุนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคต
ขณะที่แผนระยะกลางและระยะยาวที่รัฐบาลควรดำเนินการ เช่น การขจัดคอรัปชั่นให้มีมาตรการที่เห็นชัดเจนและมีตัวอย่างของการปราบปรามคอรัปชั่นอย่างต่อเนื่อง, การส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจไทยให้สามารถแข่งขันได้กับทั้งธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ, การส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจให้มีศักยภาพในการขยายกิจการได้ และการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการด้านการเงิน เพื่อการวางแผนและป้องกันความเสี่ยง