นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยปรับเป้าหมายส่งเสริมการลงทุนปีนี้เพิ่มเป็น ไม่น้อยกว่า 5.5 แสนล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้าหมายจะมีมูลค่าเงินลงทุนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนไม่น้อยกว่า 4.5 แสนล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ยังมีโครงการลงทุนสำคัญๆ ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรมที่เตรียมยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในเร็วๆ นี้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักร อิเล็กทรอนิกส์ หุ่นยนต์ ไบโอเทคโนโลยี ยางรถยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า สิ่งทอ ซอฟต์แวร์ การวิจัยพัฒนา การออกแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเมืองนวัตกรรมอาหาร เป็นต้น
"เรามีความมั่นใจและพร้อมจะปรับเป้าคำขอส่งเสริมการลงทุนเพิ่มจาก 4.5 แสนล้านบาท ปรับเป็น 5.5 แสนล้านบาท เรามั่นใจว่าทุกฝ่ายจะทำเต็มความสามารถ" นางหิรัญญา กล่าว
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.59) มีการยื่นคำขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 853 โครงการ เพิ่มขึ้น 77% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนรวม 320,827 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 218% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.59) มียอดการลงทุนจริง 2 แสนล้านบาท ซึ่งตลอดทั้งปีจะพยายามผลักดันให้มีการลงทุนจริง 5-6 แสนล้านบาท
ขณะนี้ 43% ของคำขอรับส่งเสริมการลงทุนอยู่ใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีมูลค่าการลงทุนรวม 138,871 ล้านบาท ได้แก่ อุตสาหกรรมเกษตร 39,827 ล้านบาท, อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 35,443 ล้านบาท, อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล้กทรอนิกส์ 25,972 ล้านบาท, อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 19,002 ล้านบาท และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว 9,081 ล้านบาท ซึ่งบีโอไอตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายให้ได้เกิน 50%
สำหรับช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.59 บีโอไอมีแผนเดินทางไปชักจูงการลงทุนในต่างประเทศ (โรดโชว์) อีก 17 ครั้ง โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งในแต่ละครั้งจะได้พบปะกับผู้บริหารของบริษัทชั้นนำของแต่ละประเทศ และเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ต้องการชักชวนให้เข้ามาลงทุนในไทยราว 70 บริษัท นอกจากนี้ สำนักงานบีโอไอในต่างประเทศทั้ง 14 แห่ง ยังได้จัดกิจกรรมโรดโชว์อีกจำนวน 31 ครั้ง ซึ่งจะมีการพบปะกับผู้บริหารบริษัทเป้าหมายอีกอย่างน้อย 93 ราย
ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้บรรยากาศการลงทุนในประเทศดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปัจจัยในประเทศเป็นเรื่องความมีเสถียรภาพทางการเมือง ภายหลังผลประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญทำให้ความไม่แน่นอนทางการเมืองคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนปัจจัยจากต่างประเทศนั้น นักลงทุนต่างชาติเริ่มหันมามองการลงทุนในเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในอาเซียนและไทย ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสดีที่นักลงทุนไทยจะไปลงทุนในภูมิภาค
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้บีโอไอจัดทำแผนเพิ่มกำลังบุคลากรเพื่อรองรับการขยายตัวของการลงทุนให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือนนับจากนี้ เพื่อเน้นดึงการลงทุนในเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน อินเดีย เกาหลี และสิงคดปร์ พร้อมทั้งให้บีโอไอติดตามให้เกิดการลงทุนจริงในประเทศ และเร่งส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรรมเป้าหมาย
นายสมคิด กล่าวว่า ตนเองจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นโดยได้ความร่วมมือจากธนาคารเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) ส่วนการเดินทางไปโรดโชว์ที่สิงคโปร์นั้นได้รับความร่วมมือจากกลุ่มเทมาเส็ก นอกจากนี้ในเดือน ก.ย.จะเดินทางไปโรดโชว์แถบตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเทศกาตาร์