นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องว่า เชื่อมั่นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังสามารถดูแลได้ และกระทรวงการคลังจะไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงานของ ธปท.อย่างแน่นอน
"ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ให้เครื่องมือในการดูแลค่าเงินกับแบงก์ชาติไปหมดแล้ว ยกเว้นเครื่องมือด้านภาษีที่ยังให้ไม่ได้ การแข็งค่าของเงินบาทก็ต้องมาดูอีกทีว่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้นหรือระยะยาว และต้องเทียบกับคู่ค้าของเราด้วย ซึ่งเชื่อมั่นว่าแบงก์ชาติเก่งสามารถรับมือได้ไม่มีปัญหา"นายสมชัย กล่าว
ส่วนภาพรวมการส่งออกของไทยในขณะนี้ ยอมรับว่ายังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ภาครัฐพยายามจะลดการพึ่งพาภาคการส่งออกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และหันมาพึ่งพาการเติบโตจากเศรษฐกิจภายในแทน ทำให้เศรษฐกิจไทยยังเดินหน้าต่อได้
ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปีนี้จะขยายตัวได้ 3.3% ตามที่คาดการณ์กันไว้ แม้ว่าภาคส่งออกจะติดลบเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีปัจจัยเสริมตัวอื่น เช่น การใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้นเข้ามาทดแทนกันได้
"ขณะนี้ สศค.จะยังไม่มีการปรับจีดีพีแน่นอน เรายังยืนอยู่ที่ 3.3% ส่วนส่งออกต้องขอรอดูสถานการณ์ก่อน ขอรอดูรายละเอียดตัวเลขหลายๆ อย่างที่เกี่ยวข้อง"
ขณะที่การจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในช่วง 10 เดือนของปีงบ 59 ปรับเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว 9.1 หมื่นล้านบาท โดยมีปัจจัยเสริมสำคัญ คือรายได้พิเศษจากการประมูล 4G รอบ 2 อีกประมาณ 8 พันล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังไม่ได้เป็นห่วงการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณนี้ แม้ว่ากรมภาษีหลายกรมจะอยู่ระหว่างการปรับฐานการจัดเก็บรายได้ ซึ่งอาจจะทำให้การจัดเก็บรายได้ในปีนี้ได้รับผลกระทบลงไปบ้าง แต่ก็คาดว่าการจัดเก็บรายได้จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากทุกมาตรการที่กรมภาษีเร่งวางแผนอยู่ภายในปีงบประมาณหน้าแน่นอน