พลตรี สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยอดขายสินค้าโอท็อปบนสายการบินไทยช่วงทดลองวางแคตตาล็อก ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อเร็วๆ นี้นั้น เพียงเดือนเดียวมีรายได้กว่า 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยรัฐบาลตั้งเป้าสร้างรายได้จากการขายสินค้าโอท็อปบนเครื่องบินปีละ 10 ล้านบาท
ท่านนายกฯ ภูมิใจที่สินค้าชุมชนไทยก้าวสู่ระดับสากล โดยแคตตาล็อกสินค้า 128 รายการ ที่วางอยู่ทุกที่นั่งของสายการบินไทย 150 เที่ยวบินต่อวัน ทั้งในและต่างประเทศ ถือเป็นแคตตาล็อกสินค้าชุมชนที่วางบนเครื่องบินครั้งแรกของโลก เริ่มต้นจากสินค้าที่มีความนิยมสูง เช่น เครื่องประดับ ผ้าไทย กระเป๋า เครื่องเบญจรงค์ ฯลฯ จากนั้นจะคัดเลือกสินค้าในเฟส 2 หมุนเวียนจำหน่ายไม่ซ้ำกันสินค้าแต่ละชนิดมีความสวยงาม ด้วยเอกลักษณ์แบบไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม เพียงสแกน QR CODE ในแคตตาล็อก และรับสินค้าได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิหรือจะเลือกรับบริการจัดส่งถึงบ้านก็ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำว่าสิ่งนี้เป็นความสำเร็จที่เกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย เป็นการช่วยสานฝันของผู้ประกอบการท้องถิ่นให้มีแรงใจในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ โดยฝากแนะผู้ประกอบการให้รู้จักปรับตัวตามกระแสโลก ผลิตและพัฒนาสินค้าแบบใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการแต่ยังหาซื้อไม่ได้ (Unmet Demand) เช่น ขนมปังแครกเกอร์จากข้าวหอมมะลิไทย วอลเปเปอร์จากผ้าไหมไทย ฯลฯ
"ผู้ประกอบการท้องถิ่น และภาคเอกชนจะต้องร่วมกันทำงาน และนำเทคโนโลยีนวัตกรรม หรือองค์ความรู้ที่ก้าวหน้ามาใช้ โดยภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุนเต็มที่ ซึ่งหากพัฒนาสินค้าด้วยความคิดสร้างสรรค์ และตรงกับความต้องการของลูกค้า ก็จะช่วยเพิ่มการเติบโตของรายได้อย่างก้าวกระโดด 30-40%"พลตรีสรรเสริญกล่าว
นอกจากนี้ ขอเน้นย้ำพี่น้องประชาชนว่า อย่าลืมไปใช้สิทธิจับจ่ายซื้อสินค้าโอท็อป เพื่อนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 15,000 บาท โดยซื้อจากร้านค้าทั่วประเทศที่ผ่านการรับรองและเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้จนถึง 31 ส.ค.นี้ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตามนโยบายของรัฐบาล