นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ เปิดเผยถึงยอดส่งออกรถยนต์ในเดือน ก.ค.59 ว่า ส่งออกได้ 99,155 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 3.13% เป็นผลจากการส่งออกรถกระบะที่ลดลงในตลาดตะวันออกกลาง ตลาดแอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกรถยนต์ 51,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.19%
ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.59) มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปรวมม 693,978 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.29% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 370,620 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.99%
ส่วนยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน ก.ค.59 มีทั้งสิ้น 153,950 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 7.18% และลดลงจากเดือนมิ.ย. 14.41% เนื่องจากการผลิตรถกระบะลดลงทั้งการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่เริ่มเข้าสู่ฤดูฝน และการผลิตเพื่อส่งออกส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.59) มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 1,147,330 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.2%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือนก.ค.59 มีจำนวนทั้งสิ้น 60,635 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 0.4% และลดลง 8.2% จากเดือนมิ.ย.59 โดยยอดขายภายในประเทศลดลงจากยอดขายรถกระบะที่ลดลง เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝน ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 429,265 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.2%
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า มั่นใจว่ายอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ 1.22 ล้านคัน ขณะเดียวกันเชื่อว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศจะเป็นไปตามเป้าที่ 7.5 แสนคัน แม้การขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในเดือน ก.ค.59 จะลดลงสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมก็ตาม
"ยอดส่งออกตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนกรกฎาคมยังเป็นบวก 2.29% มีความเป็นไปได้ที่จะโตต่อเนื่อง มั่นใจจะขยายตัวได้ตามเป้า" นายสุรพงษ์ กล่าว
ด้านนายวัลลภ วิตนากร รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า ภาวะการส่งออกยังมีความเปราะบาง เนื่องจากสินค้าเกษตรที่มีสัดส่วน 8% ของการส่งออกทั้งหมดยังปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมีความจำเป็นต้องเร่งการส่งออกเพิ่มมากขึ้นอีก
"ช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาติดลบ 2.35% ทั้งปีคาดว่าติดลบ 2% เพราะสินค้าเกษตรที่สำคัญปรับตัวลดลงทุกตัวทั้งข้าว ยางพารา น้ำตาล มันสำปะหลัง" นายวัลลภ กล่าว
นายวัลลภ กล่าวว่า ยอดส่งออกในเดือน ก.ค.ถ้าไม่รวมการส่งออกทองคำที่ขยายตัว 482% จะออกมาติดลบแน่นอน ส่วนรถยนต์ที่เป็นอุตสาหกรรมสำคัญของการส่งออกน่าจะมีปัญหาและอุปสรรคในอนาคต โดยเฉพาะการส่งออกไปยังกลุ่มตะวันออกกลางที่เริ่มห้ามนำเข้ารถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว
ส่วนกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายสนับนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้นคงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์อย่างรุนแรง และผลักการลงทุนในอุสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย