นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า การขายทอดตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของกลางกรมศุลกากรในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากประชาชนเข้าร่วมประมูลเป็นจำนวนมาก ทั้งนักสะสมรถหายาก ประชาชนทั่วไป และบริษัทต่างๆ โดยกรมศุลกากรนำรถของกลางออกประมูลขายทอดตลาดทั้งสิ้น 338 คัน และสามารถจำหน่ายได้จำนวนทั้งสิ้น 295 คัน รวมรายได้เข้ารัฐทั้งสิ้น 424,530,000 บาท
สำหรับรถยนต์ที่มีผู้ประมูลไปด้วยราคาสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) รถยนต์ยี่ห้อ MYBACH รุ่น 57 ปี 2005 สีดำ (รายการประมูลลำดับที่ 185) เปิดประมูลด้วยราคา 6,630,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 14,200,000 บาท 2) รถยนต์ยี่ห้อ BENTLEY รุ่น CONTINENTAL GT ปี 2012 สีดำ (ลำดับที่ 62) เปิดประมูลด้วยราคา 7,930,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 13,300,000 บาท 3) รถยนต์ยี่ห้อ BENTLEY รุ่น CONTINENTAL GT ปี 2012 สีส้ม (รายการประมูลลำดับที่ 63) เปิดประมูลด้วยราคา 7,930,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 11,200,000 บาท ส่วนรถจักรยานต์ที่มีผู้ประมูลไปด้วยราคาสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ 1) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ BMW ปี 2007 สีดำ (รายการประมูลลำดับที่ 197) เปิดประมูลด้วยราคา 578,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 2,100,000 บาท 2) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HARLEY DAVIDSON สีน้ำเงิน-ขาว (รายการประมูลลำดับที่ 192) เปิดประมูลด้วยราคา 318,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 1,700,000 บาท 3) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ BMW สีดำ (รายการประมูลลำดับที่ 61) เปิดประมูลด้วยราคา 578,000 บาท สามารถจำหน่ายได้ในราคา 1,550,000 บาท
อนึ่ง กรมศุลกากรจัดขายทอดตลาดรถยนต์ของกลางครั้งนี้เป็นครั้งแรกในรอบปีงบประมาณ 2559 ซึ่งในปีงบประมาณ 2558 ที่ผ่านมา กรมศุลกากรได้จัดการประมูลรถยนต์ของกลางไปทั้งสิ้น 2 ครั้ง สามารถจัดเก็บรายได้เข้ารัฐเป็นมูลค่ากว่า 1,007 ล้านบาท