นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ซึ่งมีการประเมินว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในไตรมาส 3 ของปีนี้จะสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงหรืออาจจะมากกว่าในช่วงไตรมาส 2 ที่ขยายตัวได้ 3.5% โดยเชื่อว่าเป็นผลมาจากมาตรการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของรัฐบาล ทั้งในภาคประชาชน และเร่งรัดการลงทุน จึงส่งผลทำให้รายได้ของเกษตรกรดีขึ้น และการบริโภคเริ่มฟื้นตัว
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังเตรียมจะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายเวลาการจัดเก็บอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่ 7% จากอัตราที่กำหนดไว้ 10% ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย.59 ออกไปอีก 1 ปี เพื่อช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งการขยายเวลานี้จะพิจารณาความเหมาะสมเป็นปีต่อปีให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้น
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทในปัจจบันนั้น รมว.คลัง ยอมรับว่าเงินบาทที่แข็งค่าเกินไปย่อมไม่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่อย่างไรก็ดี เงินบาทในระดับปัจจุบันถือว่ายังสอดคล้องกับภูมิภาค และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังดูแลได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
"บาทที่แข็งค่าไปไม่เป็นผลดีกับประเทศไทย ต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งแบงก์ชาติดูแลอยู่ อย่างน้อยต้องใกล้เคียงกับประเทศคู่ค้า ถ้าเขาไม่ดูแล และปล่อยให้แข็งค่าเกินไปเหมือนบางช่วงก็จะไม่ดี แต่ช่วงนี้เขาดูแล ถือว่า inline" นายอภิศักดิ์ ระบุ