นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐ ปริมาณรวม 1 ล้านตัน แบ่งเป็น การจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 5/2559 ปริมาณ 753,571 ตัน และการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 2/2559 ปริมาณ 255,796 ตัน ผลปรากฏว่ามีผู้ยื่นซองคุณสมบัติผู้เสนอซื้อข้าวสำหรับการจำหน่ายเป็นการทั่วไป จำนวน 20 ราย และการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม จำนวน 13 ราย โดยทุกรายเป็นผู้ที่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2559 กรมฯ ได้กำหนดให้ผู้สนใจที่ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้นยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสารในสต็อกของรัฐสำหรับการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 5/2559 และเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 เป็นการยื่นซองเสนอราคาซื้อการจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 2/2559 ซึ่งภายหลังการปิดรับซองและเปิดซองเสนอราคาซื้อต่อหน้าสาธารณชนปรากฏ ดังนี้
1.การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไป มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ จำนวน 13 ราย ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 8 ราย ใน 28 คลัง ปริมาณ 753,571.95 ตัน (คิดเป็น 100% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไป และคิดเป็น 75.36% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลทั้งหมด) มูลค่าที่เสนอซื้อ ประมาณ 7,403.27 ล้านบาท
2.การจำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อ จำนวน 10 ราย ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุด จำนวน 7 ราย ใน 18 คลัง ปริมาณ 169,149.07 ตัน (คิดเป็น 66.12% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม และคิดเป็น 16.91% ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลทั้งหมด) มูลค่าที่เสนอซื้อ ประมาณ 1,024.67 ล้านบาท
โดยหลังจากนี้กรมฯ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวในสต็อกของรัฐ จะนำผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อข้าวสูงสุดในแต่ละคลังสำหรับการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไป และการจำหน่ายข้าวเป็นการทั่วไปและเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมเข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานฯ ก่อนนำเสนอประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) พิจารณาอนุมัติและแจ้งยืนยันผลการจำหน่ายให้ผู้ชนะการประมูลทราบตามขั้นตอนต่อไป