นายวรการ ศรีนวลนัด กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด (ปณท. ดบ.) กล่าวว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นมีแผนขยายเครือข่ายการบริการโลจิสติกส์ไปสู่ภูมิภาคอินโดจีนในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มจากการขยายเครือข่ายบริการดังกล่าวให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีอาณาเขตติดกับประเทศไทยทางบก เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการไทยที่กำลังมองทิศทางและมีความต้องการเข้าไปลงทุนใน CLMV ที่มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายตลาด ย้ายฐานการผลิตจากอุตสาหกรรมต่างๆ ไปสู่กลุ่มประเทศดังกล่าว โดยไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นพร้อมที่จะเป็นจุดรวมและจุดกระจายสินค้าผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่ง
ล่าสุดบริษัท ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น จำกัด และบริษัท ไชน่าเอ็กซ์เพรส ประเทศไทย จำกัด ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือในการสร้างเครือข่าย Express Service & Logistics ที่มีประสิทธิภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน โดยไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการให้บริการโลจิสติกส์ที่ครบวงจร ด้วยศักยภาพเครือข่ายที่ครอบคลุม ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ได้ร่วมมือกับ ZTO express ประเทศจีน ผู้ให้บริการขนส่งเอกสารและพัสดุแบบเร่งด่วนที่มีเครือข่ายครอบคลุมทุกมณฑลและทุกเมืองในประเทศจีน ผ่านไชน่าเอ็กซ์เพรส ประเทศไทย พร้อมให้บริการโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน (Cross Border Section)
การบริการดังกล่าวประกอบด้วย 1.บริการส่งสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน และบริการจัดเก็บ – กระจายสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน ไปสู่เครือข่ายร้านค้าแฟรนไชส์หรือตัวแทนในประเทศไทย โดยครอบคลุมกลุ่มนักท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรม และแหล่งการค้าต่างๆ ผ่านจุดพักและการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น
และ 2.การให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ (International Section) โดยเริ่มจากการเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคอินโดจีน เนื่องจากปัจจัยด้านที่ตั้งของประเทศไทยเอื้ออำนวย ประกอบกับเครือข่ายศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศ เครือข่ายขนส่ง บุคลากรที่มีความชำนาญของไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น และเครือข่ายที่ครอบคลุมทุกมณฑลในประเทศจีนของ ZTO Express ทำให้แผนการขยายไปสู่บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศประจำภูมิภาคอินโดจีนเป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถ
จากข้อมูลของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ปัจจุบันไทยมีการส่งออกไปยังประเทศจีนกว่า 8 แสนล้านบาทต่อปี โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 ที่ผ่านมา มีมูลค่าส่งออกเท่ากับ 372,112 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้เป็นการเพิ่มโอกาสทางตลาด การต่อยอดและขยายธุรกิจของผู้ประกอบการในประเทศไทย ที่ต้องการขยายตลาดไปยังประเทศจีน และยังจะช่วยให้ผู้ใช้บริการหรือลูกค้าจะได้รับบริการด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่มีคุณภาพ มีมาตรฐานระดับสากล ทั้งในแง่ของเครือข่ายที่ครอบคลุมทั้งในประเทศไทยและประเทศจีน ระบบการจัดส่งที่ถูกต้องแม่นยำและรวดเร็ว ราคาที่เป็นธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ประกอบการ เนื่องจากจะช่วยลดต้นทุนการขนส่ง และสามารถกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถรองรับการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเพื่อกระจายสู่ประเทศไทยได้อีกด้วย
นายวรการ กล่าวอีกว่า ไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่น ตั้งเป้าขยายเครือข่ายการบริการโลจิสติกส์ไปสู่ภูมิภาคอินโดจีนในอีกประมาณ 3 ปีข้างหน้า โดยจะเริ่มจากการขยายเครือข่ายบริการดังกล่าวให้ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีอาณาเขตติดกับประเทศไทยทางบก เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ประกอบการไทยที่กำลังมองทิศทางและมีความต้องการเข้าไปลงทุนใน CLMV ที่มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการขยายตลาด ย้ายฐานการผลิตจากอุตสาหกรรมต่างๆ ไปสู่กลุ่มประเทศดังกล่าว โดยไปรษณีย์ไทยดิสทริบิวชั่นพร้อมที่จะเป็นจุดรวมและจุดกระจายสินค้าผ่านเครือข่ายที่แข็งแกร่ง