นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 34.67/69 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่า จากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.72/75 บาท/ดอลลาร์
วันนี้เงินบาทขึ้นไปทำ High ในช่วงเช้าที่ระดับ 34.80/82 บาท/ดอลลาร์ และจากนั้นค่อยๆ ลงมา Low สุดที่ระดับ 34.64/66 บาท/ดอลลาร์ โดยการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทวันนี้เป็นไปตามกระแส Flow เข้า-ออก ไม่ได้มีปัจจัยอะไรที่เด่นมาก
"เมื่อเช้าบาทขึ้นไปทำ high และค่อยๆ ปรับลดลงมา แต่ระหว่างวัน ไม่ได้มีปัจจัยอะไรสำคัญ เป็นเพียงการเคลื่อน ไหวปกติตาม flow เข้า flow ออก" นักบริหารเงิน ระบุ
นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะยังเป็น sideway เนื่องจากนักลงทุนรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยคาดว่าพรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 34.60 - 34.75 บาท/ดอลลาร์
- ปัจจัยสำคัญ
- ช่วงเย็นนี้เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.25/26 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.68/71 เยน/ดอลลาร์
- ส่วนเงินยูโรเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.1164/1165 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1148/1150 ดอลลาร์/ยูโร
- ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,496.90 จุด เพิ่มขึ้น 4.38 จุด (+0.29%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 50,702 ล้านบาท
- สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 818.83 ลบ.(SET+MAI)
- สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศ 2 ราย
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอโครงการขนส่งมวลชนขนาดรอง
- ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติงบประมาณ 250 ล้านบาท ให้กรมทางหลวงก่อสร้างทางหลวงหมายเลข
- รมว.คมนาคม กล่าวถึงโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ตอนแรก 3.5 กม.
- ธนาคารกลางจีน และสำนักงานปริวรรตเงินตราแห่งรัฐของจีน (SAFE) ประกาศผ่อนคลายโควต้าสำหรับนักลงทุน
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติในโครงการ RQFII จะได้รับอนุมัติเพดานโควต้าโดยพิจารณาจากทรัพย์สินโดยรวม จากเดิมที่ โควต้าของ RQFII จะได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการเงิน
โดยในสิ้นเดือนส.ค. จีนได้อนุมัตินักลงทุนต่างชาติภายใต้โครงการดังกล่าวทั้งสิ้น 170 ราย คิดเป็นมูลค่ากว่า 5.10 แสนล้านหยวน หรือ 7.63 หมื่นล้านดอลลาร์
- นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เตรียมเรียกร้องให้มีการบังคับใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี
เอเชียแปซิฟิกโดยเร็ว ซึ่งข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะสร้างความคืบหน้าให้กับนโยบายยุทธศาสตร์เพื่อ "ปรับสมดุล"
ในเอเชีย ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการถ่วงอำนาจของจีนในภูมิภาคนี้