นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานอันเนื่องมาจากการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เพิ่มเติมให้ครอบคลุมผลกระทบของผู้ประกอบการก่อสร้างให้สามารถทำงานให้กับภาครัฐแล้วเสร็จตามสัญญาโดยเร็ว
ทั้งนี้ ครม.ได้เห็นชอบให้ความช่วยเหลือ 4 ประเด็น คือ 1.ผู้รับจ้างที่ได้รับความช่วยเหลือฯ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.56 มาก่อนแล้ว และต้องทำงานแล้วเสร็จตามสัญญาจ้าง จึงจะของดหรือลดค่าปรับได้ จำนวน 150 วัน 2.ส่วนราชการได้ตัวผู้รับจ้างก่อนวันที่ 1 ม.ค.56 แต่ลงนามได้หลังจากวันที่ 22 เม.ย.56 จะได้รับความช่วยเหลือในการงดหรือลดค่าปรับ รวมจำนวน 300 วัน แต่ต้องทำงานเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว 3.สัญญาจ้างที่ลงนามตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.56 ถึงวันที่ 25 พ.ย.56 ผู้รับจ้างต้องทำงานเสร็จ จึงจะได้งดหรือลดค่าปรับ จำนวน 150 วัน และ 4.ผู้รับจ้างที่ถูกทิ้งงานไปแล้ว ให้พิจารณาเพิกถอนคำสั่งทิ้งงาน
ทั้งนี้ หากผู้รับจ้างทำงานแล้วเสร็จเกินจากระยะเวลาให้ความช่วยเหลือ ยังคงต้องเสียค่าปรับตามจำนวนวันที่เกินไปอยู่เช่นเดิม
ก่อนหน้านี้ กรมบัญชีกลางได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการก่อสร้างไปแล้ว จำนวน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีสัญญาจ้างมีผลผูกพันอยู่ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.56 ถึงวันที่ 22 เม.ย.56 ให้ขยายระยะเวลาหรืองดลดค่าปรับ ออกไปจำนวน 150 วัน ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 25 พ.ย.56 และครั้งที่ 2 ให้ขยายระยะเวลาเพิ่มเติมจากครั้งที่ 1 อีก 150 วัน ซึ่งมีเงื่อนไขว่าต้องทำงานให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่ขยายเพิ่มให้ จึงจะได้ลดหรืองดค่าปรับ แต่หากทำงานเสร็จสิ้นเกิน 150 วัน จะไม่เข้าเกณฑ์ที่จะได้รับความช่วยเหลือ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.57
"การให้ความช่วยเหลือและเยียวยาเพิ่มเติมในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการผลักดันของสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย นอกจากจะสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการก่อสร้างที่ได้รับผลกระทบเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามสัญญาโดยเร็วแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการก่อสร้างที่เป็น SME สามารถดำเนินการตามสัญญาต่อไปได้ด้วย" นายมนัสกล่าว