นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ e-Payment ว่า ได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ไปพิจารณาแนวทางการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ในระบบตลาดทุนเพื่อรองรับระบบ e-Payment ผ่านการจัดตั้งศูนย์กลางในการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์เพื่อให้การซื้อขายหลักทรัพย์มีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากขึ้น
โดยเฉพาะธุรกรรมการชำระราคาซื้อขายหลักทรัพย์ที่ปัจจุบันใช้เวลาถึง 3 วันทำการ (T+3) ให้ลดเหลือ 2 วันทำการ หรือ T+2 ที่มีการดำเนินการแล้วในหลายประเทศ ส่วนหนึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องการบริหารหลักทรัพย์ ทำให้การซื้อขายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปี 60
ขณะที่หน่วยงานด้านตลาดทุน ทั้ง ตลท.และ ก.ล.ต.ขอกลับไปพิจารณาในรายละเอียดก่อน
"ได้มีการตั้งคณะทำงานที่มีนายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการ ตลท. เป็นประธานคณะทำงาน คาดว่าภายในกลางปีหน้าจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นตัวดำเนินการทั้งหมด และให้ ก.ล.ต.เป็นผู้ดูแล" นายอภิศักดิ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า กระทรวงการคลังยังมีแนวคิดในการนำระบบ e-Payment ไปใช้กับระบบประกันภัยหรือประกันพืชผลทางการเกษตร ที่สามารถจ่ายค่าประกัน หรือจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือพร้อมเพย์ได้ ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถลดการทุจริตในระบบประกันได้
ส่วนความคืบหน้าของมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยนั้น หลังจากนี้จะออกมาในรูปแบบเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยจะเริ่มจากการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อยผ่านระบบการขนส่ง ซึ่งได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อหารือกับกระทรวงคมนาคมเกี่ยวกับการจัดทำตั๋วร่วมให้เชื่อมต่อกับระบบ e-Peyment
รมว.คลัง ยังกล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายการชำระเงินด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment) ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการในระยะที่ 2 ในการติดตั้งเครื่องรับชำระเงิน (Electronic Data Capture : EDC) หรือเครื่อง EDC จากเดิมที่กำหนดติดตั้งได้ภายใน ต.ค.-พ.ย.นี้ แต่จะต้องเลื่อนไปเริ่มเดือน ธ.ค.แทน เนื่องจากติดปัญหาที่เอกชนเป็นห่วง 2 เรื่องคือ 1.การให้สิทธิประโยชน์ผู้ที่เข้ามาลงทุน อาจเสียเปรียบในการแข่งขันกับรายใหญ่ และ 2.ยังตกลงกันไม่ลงตัวว่าจะลงทุนในลักษณะใด
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงการคลังไปเร่งออกเงื่อนไขโครงการ (TOR) เพื่อให้เอกชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธนาคารเข้ามาลงทุนติดตั้งเครื่อง EDC โดยกระทรวงการคลังจะต้องให้สิทธิประโยชน์จูงใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งกรมสรรพากรจะไปพิจารณาแนวทางให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันจะมีโปรโมชั่นแจกรางวัล โดยจะให้เฉพาะผู้ที่รูดบัตรและเฉพาะผู้ที่ติดตั้งเครื่องเท่านั้น
"ธนาคารชี้แจงว่าไม่สามารถดำเนินการได้ทันตามกำหนดเวลา และขอเลื่อนออกไปเป็นภายในปี 60 แต่ผมขอให้ทำตามกำหนดเวลาเดิม ซึ่งยังเหลือเวลาอีก 1 ปี 4 เดือน จึงเห็นว่าไม่ควรต้องเลื่อน"นายอภิศักดิ์ กล่าว