สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุม Annual PDMO Market Dialogue ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 ระบุว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 สบน. วางแผนที่จะระดมทุนผ่านการออกพันธบัตรรัฐบาลที่ใช้ ในการสร้างอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Benchmark Bond) เป็นหลัก ประกอบด้วย พันธบัตรรุ่นอายุ 5 ปี (LB226A) 10 ปี (LB26DA) 15 ปี (LB316A) 20 ปี (LB366A) 30 ปี (LB466A) และ 50 ปี (LB666A) ทำให้มีปริมาณวงเงินพันธบัตรรัฐบาล (Bond Supply) วงเงินรวม 550,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของประมาณการความต้องการระดมทุนทั้งหมด 957,722 ล้านบาท
สบน. ได้มุ่งเน้นการออก Benchmark Bond ทุกช่วงอายุอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับพันธบัตรรัฐบาล และ สร้างอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง (Reference Rate) ที่มีประสิทธิภาพให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการ พัฒนาตลาดตราสารหนี้อย่างแท้จริง และตอบสนองความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ พันธบัตร Benchmark รุ่น 5 ปี ยังคงให้เป็นรุ่น Exclusivity และมี Greenshoe Option โดยกระทรวงการคลังได้ให้สิทธิเฉพาะแก่ MOF Outright PD ที่สามารถเข้าร่วมการประมูลพันธบัตร Benchmark รุ่น 5 ปี รวม ทั้งให้สิทธิในการซื้อพันธบัตร Benchmark ดังกล่าวเพิ่มเติมในอัตราถัวเฉลี่ยรับ (Average Accepted Yield: AAY) เป็นจำนวน ไม่เกินร้อยละ 20 ของพันธบัตรที่ได้รับจัดสรร โดยให้ใช้สิทธิดังกล่าวระหว่างเวลา 11.00 – 11.30 น. ของวันประมูล
นอกจากนี้ สบน. มีแผนที่จะออกพันธบัตรออมทรัพย์ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งลงทุนที่มีคุณภาพ และส่งเสริมภาคการออมให้กับประชาชน อีกทั้ง เพื่อเป็นการผลักดันให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการระดมทุนเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ ของรัฐบาล โดยกระทรวงการคลังจะเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์จำนวน 2 ครั้ง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 โดยจะประกาศ ระยะเวลา เงื่อนไข อายุ และอัตราดอกเบี้ยให้ทราบต่อไป
ขณะที่ สบน.มีแผนการออก T-Bill รุ่นอายุ 28 วัน อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยรักษาระดับเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่ เพียงพอต่อการเบิกจ่ายของหน่วยงานต่างๆ โดย สบน. จะออกตั๋วเงินคลังรุ่นอายุ 28 วัน ทุกสัปดาห์ อย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง และจะมีการประกาศวงเงินการออกเป็นรายเดือน
นอกจากนี้ สบน. ได้ทำการศึกษาและพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ ในการส่งเสริมภาคการระดมทุนของรัฐบาลให้มีความยืดหยุ่น สอดรับกับความต้องการลงทุนของนักลงทุนและสภาวะตลาดที่มีความผันผวนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการซื้อขายในตลาดรอง และเพิ่มสภาพคล่องให้กับพันธบัตร ซึ่งจะเป็นการพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในระยะยาว โดย สบน. มีแผนจะดำเนินงาน ดังนี้
การเพิ่มสภาพคล่องให้กับพันธบัตร Benchmark ด้วยการเพิ่มวงเงิน และลดความถี่ในการประมูล โดยการประมูล พันธบัตร Benchmark ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 สบน. จะทำการเพิ่มวงเงินในการประมูล และลดความถี่ในการประมูลแต่ละ ครั้ง เพื่อเป็นการเพิ่มยอดหนี้คงค้างของพันธบัตรให้สูงขึ้นคราวเดียว และสร้างสภาพคล่องในตลาดรองให้สูงขึ้นระหว่างช่วงที่ไม่มีการ ประมูล โดยมีรายละเอียดของวงเงินและความถี่ในการประมูลดังนี้
Tenors Symbol Coupon Auction Size Frequency Total Issuance 5* LB226A 1.875% 20,000 - 30,000 5 - 6 140,000 – 160,000 10 LB26DA 2.125% 18,000 – 20,000 5 - 6 90,000 – 100,000 15 LB316A 3.65% 14,000 – 16,000 5 - 6 70,000 – 80,000 20 LB366A 3.40% 11,000 – 13,000 5 - 6 60,000 – 70,000 30 LB466A 2.875% 11,000 – 13,000 5 - 6 60,000 – 70,000 50 LB666A 4.00% 14,000 – 16,000 5 - 6 80,000 – 90,000
กระทรวงการคลัง ยังระบุว่า จากความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ที่ผ่านมา ทั้งจากความต้องการลงทุนของนักลงทุนที่ สูงขึ้นและการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศต่างๆ สบน. จึงได้พัฒนาธุรกรรม Overallotment และ Mini Auction เพื่อเพิ่มความขีดความสามารถ และสร้างความยืดหยุ่นในการระดมทุนของรัฐบาลให้สอดคล้องกับความต้องการ ลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในสภาวะต่างๆ ได้ อีกทั้ง ธุรกรรมดังกล่าวยังสามารถลดความผันผวนของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield Curve) โดยการดูดซับความต้องการลงทุนส่วนเกิน (Excess Demand) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง สบน. จะประกาศเงื่อนไข และวิธีการให้ทราบในภายหลัง
ทั้งนี้ สบน. ได้วางแผนการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนให้กับนักลงทุนด้วยธุรกรรม Bond Stripping โดยการแยกเงิน ต้นและดอกเบี้ยออกจากพันธบัตร ซึ่งจะทำให้เกิดพันธบัตรแบบไม่จ่ายดอกเบี้ย (Zero-coupon Bond) ตามจำนวนกระแสเงิน (Cash-Flow) ที่จะเกิดในพันธบัตรรุ่นตามช่วงอายุนั้นๆ โดยนักลงทุนสามารถทำการซื้อขาย Zero-coupon Bond รุ่นนั้นๆ ได้อย่าง อิสระ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องในตลาดรอง อีกทั้ง ยังสามารถสร้าง Zero-coupon Bond Yield Curve ให้มีอายุยาวขึ้น เพื่อส่งเสริมการคำนวณราคาตราสารหนี้ (Bond Valuation) ให้มีความแม่นยำมากขึ้น
สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนและความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1) โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เริ่มดำเนินการก่อนปี 2558 (on-going) จำนวน 15 โครงการ วงเงินลงทุน รวม 297,150.63 ล้านบาท ผลการเบิกจ่าย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 20,131.81 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 41.31 ของแผนการ เบิกจ่ายปี 2559)
2) โครงการตามแผนปฏิบัติการระยะเร่งด่วน (Action plan) จำนวน 20 โครงการ วงเงินลงทุนรวม 1,778.80 ล้านบาท จำนวน 20 โครงการ อยู่ระหว่างก่อสร้าง 5 โครงการ ผลการเบิกจ่าย ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 9,499.77 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 28.38 ของแผนการเบิกจ่ายปี 2559) ซึ่งอยู่ในขั้นตอนประกวดราคา 7 โครงการ และอยู่ระหว่างเสนอ ครม. อนุมัติ 8 โครงการ