ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดกนง.รอบนี้คงดอกเบี้ย หลังปัจจัยเสี่ยงศก.ยังไม่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ข่าวเศรษฐกิจ Friday September 9, 2016 17:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ต่อเนื่อง ในการประชุมวันที่ 14 ก.ย.59 เนื่องจากปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศของไทยยังไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการประชุม กนง.รอบก่อนหน้า ขณะที่การขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี

สำหรับสาเหตุที่คาดว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากยังพอมีปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะที่เหลือของปีนี้ โดยแม้ว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจบางตัว อาทิ เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุน จะเริ่มมีทิศทางชะลอลงบ้าง แต่คงไม่น่าจะกระทบภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งถูกคาดหมายว่าจะสามารถขยายตัวได้สูงกว่าระดับ 3.0% ขณะที่รายได้เกษตรกรที่ปรับฟื้นตัวขึ้น บ่งชี้ว่าความเสี่ยงด้านขาลงอาจเริ่มจำกัด เมื่อประกอบกับภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ดี แรงส่งจากการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง และปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองที่ผ่อนคลายลง (คงช่วยให้ความเชื่อมั่นต่างๆ มีแนวโน้มปรับดีขึ้น) น่าจะช่วยหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้าได้ จึงทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า กนง.ยังสามารถที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันที่ 1.50% ได้ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ปัจจัยจากภายนอกก็ยังไม่น่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ แม้จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น ผลของ Brexit ยังไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจในยูโรโซนยังคงบ่งชี้ถึงผลกระทบจาก Brexit ที่ยังคงจำกัดอยู่ในภูมิภาค, ประเด็นความเสี่ยงด้านการเมืองจากประเทศในยูโรโซน และการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในตอนนี้ และธนาคารกลางต่างๆ ยังคงไม่น่าจะมีการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญในช่วงนี้

"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า การประชุมธนาคารญี่ปุ่น และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 20-21 ก.ย.59 นี้ ก็ไม่น่าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินนโยบายการเงินอย่างมีนัยสำคัญ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะยังไม่ขยับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ในการประชุมรอบนี้ ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น ก็อาจจะยังไม่ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นขนานใหญ่ออกมาเช่นกัน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ทั้งนี้ คงต้องยอมรับว่าการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม รวมทั้งนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางขนาดใหญ่หลายๆ แห่งเป็นปัจจัยที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรม Search for Yield ในตลาดการเงินโลก ซึ่งอาจส่งผลทำให้ความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (อาจรวมถึงเงินบาทของไทย) ให้มีความผันผวนไปตามกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ส่งผลทำให้ภาคธุรกิจคงต้องเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งส่วนหนึ่งสามารถดำเนินการได้ ผ่านการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ สำหรับในไทยเอง การคงอัตราดอกเบี้ยในประเทศไว้ที่ระดับค่อนข้างต่ำ ก็อาจสร้างประเด็นต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจระยะยาว ทั้งประเด็นด้านหนี้ครัวเรือนและระดับการออมในประเทศ ซึ่งทำให้ยังเป็นประเด็นที่ทางการคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ในขณะที่โจทย์การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะอันใกล้ อาจต้องเน้นแรงกระตุ้นจากฝั่งนโยบายการคลังเป็นแกนนำ ในขณะที่นโยบายการเงิน จะเป็นตัวเสริมในการประคองการฟื้นตัวให้มีความราบรื่นมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ