นายกีรติ รัชโน รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ เปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติผู้เสนอซื้อเบื้องต้น เข้ายื่นซองเสนอราคาซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในสต็อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2559 และการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ซึ่งภายหลังการปิดรับซองและเปิดซองเสนอราคาซื้อต่อหน้าสาธารณชน ปรากฏว่า
1.การจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในสต็อกของรัฐบาลเป็นการทั่วไป มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อจำนวน 5 ราย ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดจำนวน 5 ราย ใน 9 คลัง ปริมาณรวม 28,169.10 ตัน (คิดเป็นประมาณร้อยละ 24 ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเป็นการทั่วไป 117,809 ตัน) มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 46.40 ล้านบาท โดยเสนอซื้อราคาต่ำสุดที่ 1.20 บาท/กิโลกรัม และสูงสุดที่ 2.00 บาท/กิโลกรัม
2.การจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในสต็อกของรัฐบาลเข้าสู่อุตสาหกรรม มีผู้ยื่นซองเสนอราคาซื้อจำนวน 24 ราย ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาซื้อสูงสุดจำนวน 20 ราย ใน 43 คลัง ปริมาณรวม 216,456.41 ตัน (คิดเป็นประมาณร้อยละ 95 ของปริมาณที่นำออกมาเปิดประมูลเพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรม 226,745 ตัน) มูลค่าที่เสนอซื้อประมาณ 78.34 ล้านบาท โดยเสนอราคาซื้อต่ำสุดที่ 0.10 บาท/กิโลกรัม และสูงสุดที่ 1.60 บาท/กิโลกรัม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา กรมฯ ได้เปิดให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนยื่นซองเอกสารคุณสมบัติผู้เสนอซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในสต็อกของรัฐบาล ปริมาณรวม 344,554.444 ตัน แบ่งเป็น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นการทั่วไป ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 117,809.100 ตัน และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเข้าสู่อุตสาหกรรม ครั้งที่ 1/2559 ปริมาณ 226,745.344 ตัน ผลปรากฏว่ามีผู้ยื่นซองคุณสมบัติผู้เสนอซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นการทั่วไป จำนวน 11 ราย โดยทุกรายเป็นผู้ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติในเบื้องต้น และการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม จำนวน 32 ราย ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติในเบื้องต้นจำนวน 30 ราย ไม่ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น จำนวน 2 ราย
รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมฯ จะนำผลการยื่นซองเสนอราคาซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังสูงสุดในแต่ละคลัง สำหรับการจำหน่ายเป็นการทั่วไปและการจำหน่ายเข้าสู่อุตสาหกรรม เข้าสู่การพิจารณาของคณะทำงานระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังคงเหลือในสต็อกของรัฐบาล ก่อนนำเสนอนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) พิจารณาอนุมัติ และจะแจ้งยืนยันผลการจำหน่ายให้ผู้ชนะการประมูลทราบตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนมันเส้นที่เหลือจากการประมูลครั้งนี้ คาดว่า จะพิจารณาระบายในช่วงก่อนที่ผลผลิตปี 59/60 จะออกสู่ตลาดในเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาตลาด
รายงานข่าว แจ้งว่า หากเปรียบเทียบราคารับจำนำหัวมันสดจากการแทรกแซงทั้ง 3 ปี เฉลี่ยอยู่ที่ 2.50 บาท/กิโลกรัม แต่เมื่อแปรสภาพเป็นมันเส้น รวมค่าใช้จ่ายต่างๆ แล้ว คิดเป็นต้นทุนรับจำนำมันเส้นที่ 6.46 บาท/กิโลกรัม ถ้าขายมันเส้นเพื่อเข้าอุตสาหกรรมที่ 10 สตางค์/กิโลกรัม จะขาดทุนราว 6.36 บาท/กิโลกรัม แต่หากเปรียบเทียบกับราคามันเส้นในตลาด ซึ่งขณะนี้เฉลี่ยที่ 3 บาท/กิโลกรัม จะขาดทุน 2.90 บาท/กิโลกรัม แต่ต้องยอมรับว่ามันเส้นที่นำมาขายเข้าอุตสาหกรรมเสื่อมสภาพมากไม่สามารถนำไปเป็นอาหารทั้งคนและสัตว์ได้แล้ว ทำได้เพียงเผาเป็นพลังงานทางเลือกเท่านั้น ซึ่งการประมูลมันเส้นทั่วไปราคาเสนอซื้อที่ 1.20-2.00 บาท/กิโลกรัม ถือว่าใกล้เคียงกับราคาตลาด (หักค่าเสื่อมสภาพ)