(เพิ่มเติม) นบข.ให้ชะลอระบายข้าวในสต๊อกรัฐ หวั่นกระทบราคาช่วงฤดูกาลผลิตใหม่ออกสู่ตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 14, 2016 14:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ว่า ได้สั่งการให้ชะลอการระบายข้าวคงค้างในคลังของรัฐบาลขณะนี้ออกไปก่อนเพื่อรองรับปริมาณข้าวในรอบการผลิตเดือนเมษายนที่จะออกสู่ตลาดในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ พร้อมทั้งหารือแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรในอนาคตด้วย

ที่ประชุมฯ ยังได้ติดตามภาพรวมการบริหารจัดการข้าวที่ได้ดำเนินมาตรการดูแลเกษตรกรไปแล้ว เช่น การสนับสนุนต้นทุนการผลิต เป็นต้น และหารือในภาพรวมเพื่อปรับโครงสร้างการบริการจัดการข้าวให้มีความเหมาะสมแต่ละฤดูการผลิตและความต้องการของตลาด

ส่วนคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม อย่าวิจารณ์ให้กระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของรัฐบาลได้ทำไปตามหน้าที่ โดยรัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ 2 ชุด เพื่อตรวจสอบเรื่องของบัญชีและพิจารณาเรื่องของความผิดทางละเมิด ซึ่งกระบวนการทุกอย่างจะดำเนินการได้ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด

ด้าน น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ที่ประชุมฯ ได้ติดตามสถานการณ์ข้าวในตลาดโลกพบว่ามีปริมาณผลผลิตมากกว่าความต้องการที่จะบริโภค ทำให้มีแนวโน้มราคาลดต่ำลงในทุกภูมิภาค เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศผู้ซื้อ และประเทศที่นำเข้ามีการปรับนโยบายในการพึ่งพาตัวเอง เน้นการปลูกข้าวในประเทศตัวเองมากขึ้น ส่งผลให้การซื้อข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง

ที่ประชุมฯ มีแผนชะลอการระบายข้าวในสต๊อกรัฐช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมเพื่อไม่ให้ข้าวในช่วงต้นฤดูราคาตก และต้องการรักษาระดับราคา เพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถขายข้าวในราคาที่ดี

"ค่อยๆ ทยอยแต่ในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม ให้หยุดก่อน เพื่อรับข้าวใหม่ ซึ่งผู้บริโภคและตลาดต่างประเทศกำลังมองข้าวใหม่อยู่ ก็อยากให้เป็นราคาข้าวใหม่ที่จูงใจ ถ้าหากต้นฤดูราคาสูงต่อๆไปก็จะเป็นการเริ่มต้นที่ดี อยากจะเขาเริ่มราคาข้าวคลอปใหม่ในราคาที่สูง" น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าว

ที่ประชุมฯ ได้ติดตามความคืบหน้าในโครงการที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบตามมติของ นบข.จำนวน 17 โครงการ ซึ่งในส่วนการผลิตเป็นไปตามแผนและเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวข้าว โดยข้าวรอบใหม่จะออกมาประมาณช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ประมาณ 23.5 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งได้วางแผนจัดเตรียมรถเกี่ยวข้าวให้เพียงพอรองรับผลผลิตที่จะออกมา

ส่วนเรื่องโรงสีนั้นพบว่า ในช่วงที่ผลผลิตออกมามาก โรงสีในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาจไม่เพียงพอ จึงได้เตรียมการประสานให้โรงสีจากภาคเหนือและภาคกลางไปช่วยรองรับ สำหรับเรื่องสภาพคล่องของโรงสีที่จะมีการดูดซับข้าวในช่วง 3 เดือนนี้ จะมีการขยายวงเงินในการรับซื้อข้าวใหม่ ด้วยการเพิ่มการชดเชยดอกเบี้ยจาก 3% เป็น 4% ให้กับโรงสีและผู้ประกอบการ ในวงเงิน 360 ล้านบาท เพื่อดูดซับข้าวในตลาดประมาณ 8 ล้านตัน และได้มีการปรับโครงการของ ธ.ก.ส.ให้เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางตัวเองซึ่งสามารถดูดซับข้าวได้ประมาณ 2 ล้านตัน โดยรัฐจะจ่ายเงินให้ตันละ 1,000 บาท ตั้งแต่เข้าร่วมโครงการ และจ่ายให้อีกตันละ 500 บาทเมื่อมีการระบายข้าว

นอกจากนี้มีมาตรการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการขยายจังหวัดที่จะให้มีการปรับลดพื้นที่ปลูกข้าวรอบ 2 หรือข้าวนาปรัง และมาตรการลดพื้นที่ปลูกข้าวเพื่อไปทำพืชที่ใช้ทำปุ๋ยสดและปลูกข้าวโพดแทน เพื่อรองรับปริมาณความต้องการข้าวโพดที่เพิ่มสูงขึ้น 7-8 ล้านตันจากที่ผลิตได้ 4 ล้านตัน

ที่ประชุมฯ ยังได้ติดตามความคืบหน้าในโครงการที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบตามมติของ นบข.ใน 17 โครงการ ซึ่งในส่วนการผลิตเป็นไปตามแผนและเตรียมตัวเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวข้าว โดยข้าวรอบใหม่จะออกมาประมาณช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม ประมาณ 23.5 ล้านตันข้าวเปลือก แบ่งเป็น ข้าวหอม 9.55 ล้านตัน, ข้าวเจ้า 6.72 ล้านตัน, ข้าวเหนียว 5.29 ล้านตัน และข้าวหอมปทุม 1.14 ล้านตัน โดยเป็นการประมาณการจากพื้นที่เพาะปลูก

ด้านดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เจรจาขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ในปริมาณ 1 แสนตัน เตรียมส่งมอบในเดือนกันยายนนี้ และขายข้าวให้จีนอีก 1 แสนตัน เตรียมส่งมอบในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนนี้

สำหรับการส่งออกจนถึงวันที่ 12 ก.ย.59 มีปริมาณรวม 6.57 ล้านตัน จากเป้าที่ตั้งไว้ 9.5 ล้านตัน เชื่อว่าช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้น่าจะสามารถทำได้ตามเป้า ส่วนสต๊อกข้าวของรัฐบาลปัจจุบันมีประมาณ 8.4 ล้านตัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ