นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการแถลงผลงานรัฐบาลครบ 2 ปีว่า เมื่อวานนี้ได้เข้าไปหารือกับนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมออกมาตรการช่วยลดภาระหนี้สินของเกษตรกร และหาทางเพิ่มรายได้ เนื่องจากขณะนี้แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศจะฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว แต่ยังมีคนที่รู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดี เพราะผลดีดังกล่าวยังไม่ได้ลงไปสู่คนระดับล่าง โดยเฉพาะเกษตรกร
นายสมคิด กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เกิดความยั่งยืน แม้เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่นัก เนื่องจากภาวะการส่งออกชะลอตัว และเอกชนมีความไม่มั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศในปีนี้จะขยายตัวได้ถึง 3.5% นั้นถือเป็นเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการแม้ตัวเลขจะสูง
"ภาวะเศรษฐกิจขณะที่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 0.8% ภายในเวลา 2 ปี สามารถขยายตัวได้ที่ 3.5% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกฝ่าย"
นายสมคิด กล่าวต่อว่า รัฐบาลพยายามสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมา 4 แนวทาง คือ 1.การสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อ ซึ่งตลอดสองปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีโครงการให้ความช่วยเหลือไปแล้วกว่า 15 โครงการ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านบาท ซึ่งมากกว่าความช่วยเหลือในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา
2.การสร้างไทยแลนด์คอนเน็ค เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและเอเซีย โดยมีมูลค่าการลงทุนเกือบ 2 ล้านล้านบาท โดยจะเร่งผลักดันโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า โครงการมอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง ตลอดจนการลงทุน Eastern Economic Corridor (EEC) เข้าที่ประชุม ครม.ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี่รัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงลงสู่ภาคใต้ ซึ่งทางญี่ปุ่นแสดงความสนใจและเตรียมเสนอโครงการมาให้รัฐบาลพิจารณา
3.โครงการไทยแลนด์ 4.0 เน้นการสร้างคลัสเตอร์ ซึ่งบีโอไอเตรียมเดินสายไปโรดโชว์ยังต่างประเทศ การสร้างสตาร์ทอัพรายใหม่ โดยมีมาตรการส่งเสริมและสนับสนุน ตลอดจนการช่วยเหลือ SMEs
4.การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางกลุ่ม CLMVT โดยพยายามออกแบบเส้นทางคมนาคมให้เป็นเกตเวย์ของภูมิภาคนี้
"รัฐบาลสามารถอัดฉีดเม็ดเงิน 2 แสนล้านบาทเข้าสู่ระบบเพื่อกระตุ้นจีดีพี แต่ไม่เลือกใช้แนวทางนี้ เพราะถือว่าเป็นการเอาเงินของลูกหลานมาผลาญ แต่ให้ความสำคัญในการวางรากฐาน เราอดทนเดินบนเส้นทางที่ลำบากเพื่ออนาคต เรามีเวลาอีก 1 ปี จะพยายามปักหลักฐานและเดินบนเส้นทางนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน" นายสมคิด กล่าว