นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลไทย เตรียมเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศฝรั่งเศสและเยอรมนี โดยจะพบปะหารือกับบริษัทชั้นนำของทั้งสองประเทศ รวมทั้งเยี่ยมชมศูนย์วิจัยเยอรมนี เพื่อยกระดับเอสเอ็มอีไทยไปสู่เอสเอ็มอี 4.0 และพบหารือกับสภานายจ้างฝรั่งเศส ซึ่งมีนโยบายสนับสนุนให้เอสเอ็มอีฝรั่งเศสไปลงทุนในต่างประเทศ
"ระหว่างวันที่ 4-8 ตุลาคม 2559 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำคณะรัฐบาลไทยเดินทางไปชักจูงการลงทุนที่ประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมนี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การพบปะหารือกับบริษัทชั้นนำของทั้งสองประเทศเพื่อชักชวนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และการหาแนวทางทางยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย เพื่อผลักดันไปสู่นโยบายเอสเอ็มอี 4.0" นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าว
สำหรับการพบปะหารือบริษัทชั้นนำของทั้ง 2 ประเทศจะเป็นการหารือรายบริษัท ซึ่งอยู่ในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพราะทุกรายต่างมีแผนที่จะขยายการลงทุนในเอเชียและอาเซียน เพื่อเป็นฐานการผลิตป้อนสินค้าในตลาดเอเชีย แต่ทุกรายยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกประเทศที่จะเข้าไปลงทุน รัฐบาลจึงเล็งเห็นความสำคัญและเดินทางไปพูดคุย
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีจะนำคณะเข้าเยี่ยมชมและหารือกับผู้บริหารของศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยเทคนิคดาร์มสตัด ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าศูนย์วิจัยของรัฐบาลเยอรมันจัดตั้งทั่วประเทศเพื่อขับเคลื่อนนโยบายเอสเอ็มอี 4.0 ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเยอรมัน ซึ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการผลิตและการทำงาน ซึ่งรัฐบาลไทยจะได้นำมาเป็นแนวทางในการส่งเสริมและยกระดับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไปสู่เอสเอ็มอี 4.0
เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีและคณะจะเข้าพบปะหารือกับสภานายจ้างฝรั่งเศส ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศส มีสมาชิกกว่า 750,000 บริษัท และกว่าร้อยละ 90 เป็นบริษัทเอสเอ็มอี ซึ่งสภานายจ้างฝรั่งเศสก็มีนโยบายและมีหน่วยงานพิเศษที่ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนสมาชิกไปลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีในการสร้างความร่วมมือกับรัฐบาล และเชิญชวนให้สนับสนุนบริษัทเอสเอ็มอีฝรั่งเศสให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย
ทั้งนี้ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา(2556-2558) พบว่า โครงการลงทุนจากประเทศเยอรมนียื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 86 โครงการ เงินลงทุนรวม 16,490 ล้านบาท ส่วนโครงการลงทุนจากประเทศฝรั่งเศสที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 50 โครงการ เงินลงทุนรวม 1,390 ล้านบาท ส่วนในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.59) พบว่า โครงการลงทุนจากประเทศเยอรมนียื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 15 โครงการ เงินลงทุนรวม 1,400 ล้านบาท ส่วนโครงการลงทุนจากประเทศฝรั่งเศสที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจำนวน 12 โครงการ เงินลงทุนรวม 64 ล้านบาท