นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.การคลัง กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "World Economic Outlook and Future Investment Landscape: Challenge for Investor Searching for Higher Yield ในงานสัมมนานานาชาติ The 3rd ASEAN Fixed Income Summit : AFIS จัดโดยบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ว่า ตราสารหนี้ของไทยเป็นที่น่าสนใจทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ทั้งพันธบัตรรัฐบาล หรือว่าตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อ รวมถึงตราสารหนี้ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนักลงทุนให้ความสนใจ รวมถึงในอนาคตประเทศไทยยังมีตราสารหนี้ที่เกิดจากกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ ฟันด์) ออกมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนที่แน่นอน เพราะมีรายได้เข้ามาชัดเจน รวมถึงมีการประกันผลตอบแทนขั้นต่ำ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนี้ ตราสารหนี้ของไทยยังมีการให้ผลตอบแทนสูงกว่าในหลายประเทศทั่วโลก เช่น ตราสารหนี้อายุ 10 ปี ของไทย ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 1.03% แม้จะไม่สูงมาก แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่น อย่างญี่ปุ่นที่มีอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้ติดลบ เพื่อเป็นการลดสภาพคล่องในตลาดการเงิน ทำให้เห็นชัดว่าตราสารหนี้ของไทยให้อัตราผลตอบแทนที่สูง
ด้านน.ส.บัณฑรโฉม แก้วสอาด ประธานกรรมการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยว่า บตท. ได้รับเกียรติจากสมาคมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (Asian Secondary Mortgage Market Association: ASMMA) เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนานานาชาติ The 3rd ASEAN Fixed Income Summit : AFIS โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการส่งเสริมให้อาเซียนเป็นจุดหมายการลงทุนตลาดตราสารหนี้ในระดับภูมิภาคด้วยความโปร่งใสในปี 2020 และเป็นการส่งเสริมความรู้ให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนตอกย้ำบทบาทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัยในการเชื่อมโยงตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ
นอกจากนี้ภายในงานสัมมนาฯ บตท. ได้นำเสนอนิทรรศการเพื่อให้ความรู้การดำเนินธุรกรรมของสมาคมตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมความเข้าใจบทบาท บตท. การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เชื่อมโยงตลาดเงินและตลาดทุน เพื่อสร้างเสถียรภาพในระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัยและพัฒนาตลาดทุนสู่ระดับสากลต่อไป