(เพิ่มเติม) สถาบันอาหาร-SME Bank-สสว.-สิงห์ฯ เซ็น MOU ผุด World Food Valley บนเนื้อที่ 1,300 ไร่ ตอบโจทย์แผนพัฒนาอุตฯอาหาร 20 ปี

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 19, 2016 14:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า โครงการพัฒนา World Food Valley Thailand ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทยในรูปแบบประชารัฐ และมีการมุ่งเป้าสู่การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอาหารสู่ยุค 4.0 โดยคำนึงถึงอนาคตของประเทศ และประชาชนในพื้นที่ สอดคล้องกับแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายและแผนอุตสาหกรรมอาหารแห่งชาติของกระทรวงอุตสาหกรรมในอนาคต ที่ควรจะต้องมีการสร้างความสมดุลระหว่างการพัฒนานวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรม และการนำผลงานเหล่านั้นไปใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ ก่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวมให้มากขึ้น

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารของประเทศสู่ยุค 4.0 ควรให้ความสำคัญใน 3 เรื่อง คือ 1.การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวและการแข่งขันของผู้ประกอบการอาหารไทยให้เข้าสู่ยุค 4.0 หรือให้เป็นนักรบรุ่นใหม่ 2.การจัดระบบการพัฒนาปัจจัยเอื้อต่อการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารไทยเป็นครัวของโลก เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสนับสนุนการลงทุนของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารไทย เช่น การพัฒนา World Food Valley Thailand ที่มีองค์ประกอบในการให้บริการทั้งพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่การให้บริการภาครัฐแบบ One Stop พื้นที่เพื่อการเชื่อมโยงการพัฒนานวัตกรรมและมาตรฐาน ตลอดจนพื้นที่เพื่อการพัฒนากำลังแรงงานภาคอุตสาหกรรม และ 3.การพัฒนาตลาดอุตสาหกรรมอาหารอนาคต และช่องทางการค้าในเวทีสากล เพื่อให้เอสเอ็มอีได้มีโอกาสเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารโลก

นอกจากนี้ควรมีการกำหนดทิศทางและเป้าหมายในการขับเคลื่อนในระยะ 20 ปีข้างหน้าให้ชัดเจน ประกอบด้วย 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ 1. การเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการ S Curve ในสาขาอาหารให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และการสร้างผู้ประกอบการอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยในเวทีโลก โดยรวมน่าจะต้องมีจำนวนกว่า 20,000 ราย 2.การเพิ่มมูลค่าและผลิตภาพให้มีอัตราการขยายตัวให้ได้ 2% ต่อปี โดยการพัฒนามาตรฐานสินค้าอาหารแปรรูปไทยทั้งรสชาติและมาตรฐานตามที่ตลาดต่างๆ ต้องการ 3.การสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถค้าขาย ส่งออกได้บนพื้นฐานของสินค้าที่มีคุณภาพและมีมูลค่าเพิ่มในตลาดเดิมและตลาดใหม่จนทำให้มีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี

"ควรมีการกำหนดวิสัยทัศน์ในการทำงานว่า ประชารัฐร่วมใจประเทศไทยเป็นครัวของโลก และมีการวัดผลของการทำงานจากส่วนแบ่งในตลาดโลก มุ่งสู่การเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าอาหารติดอันดับ TOP 5 ให้ได้ในอีก 20 ปีข้างหน้า"นางอรรชกา ระบุ

รมว.อุตสาหกรรม กล่าวต่อว่า การจะส่งเสริมให้การส่งออกอาหารได้เพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ มูลค่าการผลิตอาหารก็ต้องเพิ่มขึ้น นิคมฯ นี้จะสร้างคลัสเตอร์ผู้ผลิตอาหารที่ใช้นวัตกรรมมาเพิ่มมูลค่าและสร้างแบรนด์ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการหารือกันในคณะกรรมการบีโอไอเรื่องของสิทธิประโยชน์ทางภาษีบีโอไอสำหรับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ World Food Valley Thailand ด้วย

"เราจะคัดเลือก SMEs ที่มีศักยภาพเข้ามาร่วมโครงการนี้ คาดว่าจะมีผู้ประกอบการไม่ต่ำกว่า 100 รายเข้ามาอยู่ในโครงการ World Food Valley Thailand นี้ เม็ดเงินลงทุนไม่น่าจะต่ำกว่า 15,000-20,000 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารได้อีกจากปัจจับุนการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารมีมูลค่าประมาณ 8 แสนล้านบาทซึ่งจะทำให้เป้าหมายในการเป็นครัวไทยสู่ครัวโลก และหากเกิดการลงทุนแบบนี้จะสามารถสร้างการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดได้มากขึ้น"

สำหรับอุตสาหกรรมที่ค่าดว่าจะเข้ามาร่วมในโครงการ World Foof Valley Thailand นี้จะเน้นไปที่อุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร เช่น ข้าวเนื่องจากจ.อ่างทอง มีพื้นที่ปลูกข้าวจำนวนมาก และอาหารประเภท Functional Food

โดยตั้งเป้าว่าจะทำให้เกิดโครงการในลักษณะนี้ไม่ต่ำกว่า 5 แห่ง ในช่วง 5 ปีข้างหน้าส่วนจะเป็นที่ไหนขึ้นอยู่กับเอกชนที่จะจะเข้าร่วมพัฒนาว่าจะไปลงทุนที่ไหน ซึ่งเปิดกว้างให้เอกชนรายอื่นเข้ามาร่วมกันพัฒนาโครงการด้วยไม่เฉพาะสิงห์ คอร์เปอเรชั่น เพียงรายเดียวเพราะก็มีผู้ประกอบการรายอื่นติดต่อเข้ามา แต่ถ้าทางสิงห์ฯ มีโครงการอื่นที่น่าสนใจก็ยินดี

ด้านนายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า สถาบันอาหารได้ร่วมกับบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดทำบันทึกความร่วมมือพัฒนาโครงการ World Food Valley Thailand ขึ้น เพื่อพัฒนาพื้นที่ของบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ที่ จ.อ่างทอง เนื้อที่ประมาณ 1,300 ไร่ ให้เป็นเมืองนวัตกรรมอาหารครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

โดยมีแนวทางความร่วมมือดังนี้ 1.ร่วมมือในการศึกษาพัฒนาความเป็นไปได้ในโครงการพัฒนา World Food Valley Thailand 2.ร่วมมือในการพัฒนาผู้ประกอบการอาหารและบุคลากร รวมถึงบรรยากาศในการประกอบธุรกิจ (Ecosystem) เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน 3.ร่วมมือในการส่งเสริม ผลักดันให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานและปัจจัยเอื้อ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารอนาคตของประเทศ 4.แสวงหาความร่วมมือจากภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้โครงการ World Food Valley Thailand ประสบความสำเร็จโดยรวดเร็ว และ 5.ร่วมมือดำเนินกิจกรรม/โครงการอื่นๆ ตามที่ทั้ง 4 ฝ่ายเห็นสมควร

ขณะที่นายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ รองผู้อำนวยการสถาบันอาหาร กล่าวว่า ในยุทธศาตร์ 20 ปีที่จะผลักดันประเทศไทยมุ่งสู่การเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารติดอันดับ TOP 5 ให้ได้ในอีก 20 ปีข้างหน้านั้น แปลว่าต้องมีการเติบโตของจีดีพีอุตสาหกรรมอาหารปีละ 4-5% การส่งออกประมาณ 8% ถ้าขายเชิงปริมาณแบบเดิมคงเป็นไปไม่ได้เพราะฉะนั้นต้องส่งเสริมเรื่องการแปรรูป สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ซึ่งการแปรรูปขั้นกลางจะทำให้มูลค่าเพิ่มไม่ต่ำกว่า 3 เท่า

การลงทุนด้านอุตสาหกรรมอาหารต้องขยายตัวไม่ต่ำกว่า 10% จึงจะทำให้จีดีพีภาคอุตสาหกรรมเติบโต ซึ่งทำอย่างไรจะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโดยใช้ระบบประชารัฐ แต่ผู้ประกอบการจะติดปัญหาคือรายเล็กๆ หรือทำคนเดียวไม่สามารถเข้าสู่ระบบมาตรฐานได้ ไม่สามารถเข้าสู่ระบบการตรวจสอบย้อนกลับ เพราะสินค้าที่เป็นไฮเอนด์ เป็น Functional มีระบบการตรวจสอบฉลาก เราต้องมองภาพ 20 ปีข้างหน้า ว่าสินค้าไทยจะส่งออกแบบเดิมๆไม่ได้ ต้องส่งออกภายใต้กรอบของโลก เพราะฉะนั้น โครงการ World Food Valley Thailand จะทำให้เกิดการรวมกลุ่มคลัสเตอร์และการตรวจสอบย้อนกลับไปจนถึงแหล่งวัตถุดิบและแหล่งผลิตซึ่งต้องได้มาตรฐาน

ส่วนนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี กรรมการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการ World Food Valley Thailand จ.อ่างทอง มีเนื้อที่ขนาดประมาณ 1,300 ไร่ มีเป้าหมายในการพัฒนาสู่การเป็นเมืองนวัตกรรมอาหารอนาคตครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แนวคิด Eco-Industrial Estate พร้อมกับเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 ที่มีนวัตกรรมการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่าของอาหารหรือผลิตภัณฑ์ การพัฒนาธุรกิจ การลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ การยกระดับสมรรถภาพและความสามารถของกำลังคนอุตสาหกรรมอาหาร รวมไปถึงการอยู่เคียงข้างชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน

โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมที่ให้บริการพื้นที่อุตสาหกรรมและบริการงานพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแบบครบวงจร เบ็ดเสร็จเชิงบูรณาการ ตั้งแต่กิจกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ อาทิ การกำกับดูแลการผลิตและการนำเข้าวัตถุดิบ และปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพและปลอดภัย บริการวิเคราะห์ทดสอบและการรับรองมาตรฐานของอาหารไทย สามารถเชื่อมโยงการบริการการเงิน เทคนิค ที่ปรึกษา การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการออกแบบให้กับผู้ประกอบการด้วยความแข็งแกร่ง 4 ด้าน(ESSE) ได้แก่ 1.พลังงาน เทคโนโลยีและวิศวกรรม (Energy, Technology& Engineering) 2.การพัฒนาผู้ประกอบการแบบยั่งยืน (Sustainable Development) 3.การให้บริการครบวงจร (Services with High Value Facilities) 4.เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม(Environment-friendly) เป็นต้น เบื้องต้นคาดว่าภายในปี 2560 จะมีความชัดเจนในรูปแบบการดำเนินงาน และภายใน 3 ปี จะสามารถเริ่มลงมือก่อสร้างได้ เชื่อว่าการดำเนินการภายใน 5 ปีน่าจะเห็นผล

"หลังจากวันนี้ภาพของ World Food Valley Thailand จะชัดเจนขึ้น การสนับสนุนจากภาครัฐจะต้องชัดเจนว่าจะเปิด Offer ให้กับ Protential Customer ที่สนใจจะเข้าโครงการจะเป็นยังไง ที่นี่เหมือนโครงการนำร่อง เราคงต้องคิดทบทวนวางแผนให้ครบ 360 องศาว่าความต้องการของทั้งผู้ที่จะมาใช้ Facility ของเรา"

สำหรับพื้นที่ของนิคมฯ มีทั้งหมดประมาณเกือบๆ 4 พันไร่ น่าจะพัฒนาประมาณ 3 เฟสจึงจะครบ 4 พันไร่ใน 3-5 ปี...สำหรับงบลงทุนที่จะใช้พัฒนาโครงการนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาทซึ่งไม่นับที่ลงไปแล้วในการพัฒนานิคมเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าประมาณ 800 ล้านบาท

เบื้องต้นพื้นที่ใน World Food Valley Thailand ที่ได้มีการพัฒนาไปแล้วคือโรงไฟฟ้า พื้นที่โครงการมีท่อแก๊สธรรมชาติวิ่งผ่านทุกที่ ห่างไปไม่ถึง 1 กิโลคือแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านโลจิสติกก็ดี ที่สำคัญช่วงที่น้ำท่วมใหญ่พื้นที่โครงการ World Food Valley Thailand เป็นที่เดียวในอ่างทองที่น้ำไม่ท่วม จึงถือว่าเป็นโลเคชั่นที่ดี

ส่วนเรื่องค่าเช่าพื้นที่ที่ภาครัฐมีความกังวลนั้น นายจุตินันท์ กล่าวว่า พื้นที่โครงการ World Food Valley Thailand เมื่อเข้ามาอยู่แล้วจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนได้หลากหลาย ทั้งเรื่องพลังงาน การจัดส่ง ซัพพลาย วัตถุดิบ ถ้าคำนวณกับมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นจากการแปรรูปอาหารและการทำแบรนด์ดิ้ง บางทีก็ต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้นบ้าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ