นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันนี้ (19 ก.ย.) ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการซื้อขายผลผลิตข้าวนาแปลงใหญ่ระหว่างประธานกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่กับโรงสีหรือสหกรณ์ที่รับซื้อข้าวพร้อมกันทั่วประเทศ โดยส่วนกลางมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดเชิญประธานกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่และผู้แทนโรงสีและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เชิญเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 15 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท ปราจีนบุรี สุพรรณบุรี เพชรบุรี อุดรธานี นครพนม ขอนแก่น สุรินทร์ ศรีสะเกษ เชียงราย พะเยา อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ และนครศรีธรรมราช มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง ณ กระทรวงพาณิชย์ โดยมีรมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.พาณิชย์ และรมว.มหาดไทยเป็นสักขีพยาน สำหรับจังหวัดอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการให้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง ณ พื้นที่แต่ละจังหวัด ในวันและเวลาเดียวกันกับส่วนกลาง โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นสักขีพยาน
อนึ่ง มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว เมื่อวันที่ 24 ก.พ.59 เห็นชอบแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร โดยเป็นการบูรณาการการทำงานระหว่างหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนผ่านกลไกประชารัฐ โดยมี 3 กระทรวง ประกอบด้วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลัก ในแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจรได้มีการจัดทำโครงการนาแปลงใหญ่ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนให้เกษตรกร มีการรวมกลุ่มและบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อสร้างความเข้มแข็งและผลิตข้าวคุณภาพ โดยรัฐบาลจัดหาเครื่องจักร อุปกรณ์การเกษตร รวมทั้งเพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างอำนาจต่อรอง โดยประสานผู้ประกอบการรับซื้อผลผลิตในราคานำตลาด และเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ รวมถึงผลิตข้าวคุณภาพ โดยกำหนดเป้าหมาย 426 แปลง พื้นที่ประมาณ 800,000 ไร่ ซึ่ง ณ วันที่ 7 กันยายน 2559 มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ ในพื้นที่ 66 จังหวัด จำนวน 386 แปลง พื้นที่ 838,403.75 ไร่ เกษตรกร 57,775 ราย
รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า มีความมั่นใจว่าการบริหารจัดการข้าวโดยใช้การตลาดนำการผลิต ด้วยการส่งเสริมระบบตลาดให้มีประสิทธิภาพเพื่อขยายช่องทางการค้าให้แก่เกษตรกร รวมทั้ง การพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพสินค้าเกษตร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาด จะส่งผลต่อความสำเร็จของนโยบายรัฐบาลในการยกระดับราคาสินค้าเกษตรและคุณภาพชีวิตของเกษตรกร รวมทั้งสร้างความมั่นคงและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน และจะเป็นต้นแบบในการบริหารจัดการสินค้าเกษตรอื่นต่อไปในอนาคต