นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25 - 0.50% ได้ส่งผลให้เงินบาทและเงินสกุลภูมิภาคส่วนใหญ่โน้มแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากผลการประชุมเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับในแถลงการณ์ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) เริ่มแสดงความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น รวมทั้งกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้
ในส่วนของเงินบาทแข็งค่าขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยช่วงเช้าเคลื่อนไหวในช่วง 34.64 - 34.67 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. หรือแข็งค่าขึ้นประมาณ 0.3% จากวานนี้ (21 ก.ย.) ขณะที่ความผันผวนปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 3.5% สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยปรับลดลงเล็กน้อย สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
นางจันทวรรณ มองว่า การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในวันนี้ น่าจะเป็นการตอบสนองของตลาดในระยะสั้นเท่านั้น แต่ในระยะยาวยังคงต้องติดตามปฏิกิริยาของตลาดต่อไป เพราะยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของ FED และของประเทศหลักอื่นๆ เช่น เมื่อวานนี้ ทางธนาคารกลางญี่ปุ่นก็ได้ปรับกรอบการดำเนินมาตรการนโยบายการเงินที่จะเข้าดูแลระดับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวด้วย นอกเหนือไปจากการเข้าซื้อสินทรัพย์และการใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นติดลบ
"ดังนั้น ปัจจัยภายนอกยังเป็นสิ่งที่กระทบภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายในตลาดโลก ทุกฝ่ายจึงควรให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อรองรับกับความผันผวนในอนาคต" นางจันทวรรณ ระบุ