นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลประชุมคณะอนุกรรมการดำเนินงานโครงการเพิ่มความเข้มเข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ครั้งที่ 12/2559 ว่า ที่ประชุมได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการโครงการผ่านทางกองทุนหมู่บ้าน และชุมชนหมู่บ้าน หรือกทบ. ซึ่งได้อนุมัติโครงการใหม่เพิ่มเติม เป็นครั้งที่ 12 และจากการดำเนินงาน ภายใต้วงเงิน 35,000 ล้านบาท อนุมัติวงเงินไปแล้วถึงร้อยละ 92 โอนเงินไปแล้ว 32,000 ล้านบาท และมีการเบิกจ่ายงบที่ไปใช้ได้จริงประมาณ กว่า 20,000 ล้านบาท ซึ่งที่ประชุมได้เชิญชาวบ้านที่ดำเนินโครงการผ่านทางกองทุนมาแสดงตัวอย่างในที่ประชุม เช่นโครงการทำล้ง ลำไย ที่ จ.จันทบุรี การทำสมาร์ทฟาร์ม ที่จ.พังงา
"ได้สั่งการที่ประชุมให้มีการเร่งรัดการดำเนินโครงการที่เหลือ รวมถึงได้มีอนุมัติให้มีการติดตามการประเมินผล โดยเอาเครือข่ายที่อยู่ในกองทุนหมู่บ้านมาช่วยทำงาน และเตรียมที่จะลงพื้นที่ในการติดตามผลด้วยตนเอง พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า การดำเนินงานผ่านกองทุนหมู่บ้าน ต้องเกิดการต่อยอดไม่ใช่เป็นการให้เงินแบบสูญเปล่า"
ด้านนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ระบุว่า ขณะนี้แต่ละหมู่บ้านและชุมชน มีการเสนอโครงการเข้ามาถึง 65,000 กองทุน ซึ่งเป็นเม็ดเงิน กว่า 32,000 ล้านบาท แต่ยังมีบางส่วนไม่มีการเสนอโครงการเข้ามาและยังไม่ผ่านการอนุมัติ 4,000-5,000 กองทุน และจากมติ ครม. ที่ให้ดำเนินการ เบิกจ่ายภายในระยะเวลา 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณซึ่งสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนนี้ ที่ประชุมจึงเห็นว่าจะมีการประชุมภายในสัปดาห์หน้าเพื่อสรุปความคืบหน้าของการดำเนินโครงการ และเพื่อพิจารณาว่าจะขยายเวลาออกไปอีกหรือไม่"
นอกจากนี้ที่ประชุมได้อนุมัติหลักการขอให้เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านในระดับตำบล อำเภอ จังหวัด เข้าไปช่วยติดตามการทำรายงานเสนอแต่ละกองทุนเพื่อนำไปสู่การประเมินผล ส่วนกองทุนจำเป็นต้องมีการฟื้นฟู ทางด้านคณะอนุกรรมการดำเนินการขับเคลื่อน ฟื้นฟูและพัฒนากองทุนหมู่บ้าน เห็นว่า จำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรการ เพื่อให้ความช่วยเหลือกับกองทุนที่มีปัญหา ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาแรงและยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเข้าไปยุบกองทุน แต่อาจจะมีความจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารกองทุน เพื่อให้เกิดการฟื้นฟูและพัฒนาต่อไป โดยคณะอนุกรรมการจะมีการนัดประชุมในสิ้นเดือนกันยายนนี้
"เมื่อสิ้นสุดโครงการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนกันยายนนี้ อยากให้รัฐบาลมีการสานต่อเพื่อส่งเสริมให้กองทุนยืนอยู่ได้ด้วยตนเอง และจะมีส่วนช่วยทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้ส่วนตัวพอใจในความคืบหน้าการในการโอนเงินใหักับโครงการที่ผ่านความเห็นชอบ ส่วนการประเมินความสำเร็จของการดำเนินงานในเชิงคุณภาพของแต่ละโครงการ จะมีการสรุปอีกครั้งในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมนี้"นายนที กล่าว