พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในการมอบนโยบายในการสัมมนาเสริมสร้างความรู้และธรรมาภิบาลของกรรมการรัฐวิสาหกิจว่า ขณะนี้เอกชนยังไม่เชื่อมั่นที่จะลงทุนมากนัก เพราะห่วงเรื่องการตลาด ซึ่งรัฐบาลก็เข้าใจ ดังนั้นรัฐวิสาหกิจต้องเป็นกลไกขับเคลื่อนการลงทุน
ขณะที่รัฐบาลพยายามช่วยขจัดอุปสรรคที่มีอยู่ให้หมดไป และต้องพยายามปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคำนึงถึงความมีประสิทธิภาพ ความโปร่งใส การสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ที่มีอยู่
"การใช้อำนาจพิเศษของตนเอง เพื่อขจัดอุปสรรคที่ทำให้การพัฒนาล่าช้า โดยคำนึงถึงความถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ถูกดำเนินคดีตามมาในภายหลัง ยืนยันว่าไม่เอาเรื่องผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง หากใครทำผิดก็ว่ากันไปตามขั้นตอนของกฎหมาย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า แนวทางการบริหารรัฐวิสาหกิจ ควรกำหนดให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ได้จัดทำเสร็จแล้ว เพื่อให้การพัฒนาประเทศเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
"รัฐวิสาหกิจทุกองค์กร จะต้องพัฒนาตัวเองให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่โยนภาระให้พ้นตัวเอง โดยนำปัจจัยทั้งภายในและภายนอกมาประกอบการพิจารณาวางแผนในการทำงาน เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาได้ครบวงจร...ช่วงนี้เป็นโอกาสดีที่จะทุกองค์กรจะกำหนดโรดแมพของตัวเองได้ วันข้างหน้าชาวบ้านก็รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง จะได้ไม่มีปัญหา" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พร้อมย้ำว่า รัฐวิสาหกิจทุกแห่งมีความสำคัญทั้งสิ้น โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ยังขาดทุนจะต้องสร้างกำลังใจในการทำงานให้องค์กรเกิดความเข้มแข็ง เพื่อเป็นกลไกในการพัฒนาประเทศชาติ
นายกฯ กล่าวต่อว่า สถานการณ์เศรษฐกิจที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 3% นั้นเป็นผลจากการทำงานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หากไม่ได้ทำอะไรเลยคงไม่ดีเท่านี้เพราะมีปัจจัยลบหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นบทพิสูจน์การทำงานของตนเองที่ถูกมองว่าเป็นทหารแล้วจะไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจ