นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศขานรับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ไทยแลนด์ 4.0 นำกลไกประชารัฐมาแก้ไขปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจท้องถิ่น ซึ่งขณะนี้หลายจังหวัดได้เริ่มดำเนินการนำร่องแล้ว ได้แก่ เพชรบูรณ์ นนทบุรี ขอนแก่น และน่าน
สำหรับการทำงานในรูปแบบ "ทีมประชารัฐ" ระดับจังหวัด โดยให้ผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา เริ่มตั้งแต่การแบ่งหน้าที่ พื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนบูรณาการตามข้อตกลงร่วมกันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เจริญเติบโตอย่างเข้มแข็ง สมดุล และยั่งยืน โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหลายแห่งได้เริ่มดำเนินการขับเคลื่อนโครงการตามแนวทางประชารัฐแล้ว อาทิ
“โครงการ กรีนมาร์เก็ต" จังหวัดเพชรบูรณ์ เกิดการรวมตัวเป็นกลุ่มการบริหารจัดการในรูปสหกรณ์ เพื่อการมีส่วนร่วมภายในชุมชน ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายจากพ่อค้าคนกลาง สร้างความเข้มแข็งในการเจรจาต่อรองกับผู้รับซื้อทั้งตลาดกลางหรือตลาดทุกระดับเพื่อให้ได้ราคาที่เป็นธรรม อีกทั้งสามารถจำหน่ายผลผลิตให้ถึงมือผู้บริโภคโดยตรง ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้ค้าปลีกชั้นนำของประเทศหลายราย ได้แก่ กลุ่มบริษัทค้าปลีกในเครือเซ็นทรัล เครือเดอะมอลล์กรุ๊ป บริษัทไร่กำนันจุล รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ย และ วัสดุอุปกรณ์ จากหน่วยงานภาคเอกชนในพื้นที่ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีส่วนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนในการเชื่อมโยงภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน/ภาคประชาสังคมในท้องถิ่น รวมทั้งผลักดันให้เกิดวิสาหกิจชุมชน ยกระดับเกษตรกร/กลุ่มเกษตรกรให้มีความรู้ความสามารถและศักยภาพในการวางแผนผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (Value Creation) ตั้งแต่กระบวนการผลิต การแปรรูป การบรรจุภัณฑ์ และได้รับการสนับสนุนจากคณะเจ้าหน้าที่จากบริษัท กสท. จำกัด (มหาชน) ในการจัดทำ QR Code ให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ
นอกจากนี้ ยังได้มีการนำแนวทางประชารัฐมาสนับสนุนการจัดงานแสดงสินค้าในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการในพื้นที่ อาทิ งาน "ประชารัฐนนทบุรีร่วมใจ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย" ซึ่งจัดขึ้นโดยความร่วมมือของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดนนทบุรี กลุ่มผู้ประกอบการ และผู้ประกอบการศูนย์การค้าเดอะมอลล์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP กลุ่มผู้ผลิตสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดใกล้เคียง อาทิ กลุ่มอาหาร กลุ่มสมุนไพร กลุ่มเสื้อผ้า และกลุ่มของใช้ มาวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าซึ่งเป็นแหล่งรวมผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ปริมาณมาก กระจายรายได้สู่ชุมชนได้โดยตรง และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับฐานรากของ โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 26 กันยายน - 5 ตุลาคม 2559 ณ ชั้น 4 ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ สาขางามวงศ์วาน
“ตลาดน้ำประชารัฐ" โครงการที่เกิดจากความร่วมมือของสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นร่วมกับศูนย์การค้าอู้ฟู่ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบการ OTOP/SME/Biz Club ของกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธ์ โดยมีศูนย์การค้าอู้ฟู่ และพันธมิตรเอกชนสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน - 2 ตุลาคม 2559 โดยรูปแบบการจัดงานเป็นบรรยากาศของตลาดน้ำริมคลองจำลองขนาดย่อม ภายในงานมีเรือจำลองสาหรับวางผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรพร้อมทั้งบ้านริมคลอง รวมถึงการสาธิตเกี่ยวกับการเกษตร การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า ของผู้ประกอบการ OTOP SMEs สมาชิกเครือข่ายธุรกิจ Biz Club และ กลุ่มเกษตรกร Smart Farmer ของจังหวัดขอนแก่น และกลุ่มจังหวัดร้อยแก่นสารสินธุ์ ทั้งนี้ ภายในงานกำหนดจัดกิจกรรมต่างๆบนเวทีทุกวัน อาทิ เวทีเสวนาในหัวข้อเกษตรอินทรีย์/การเกษตรเชิงท่องเที่ยว และกิจกรรมร่วมสนุกด้วยการเล่นเกมส์และชิงรางวัล
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดน่าน ได้ริเริ่มจัดงานกาแฟน่าน ครั้งที่ 1 "มีน้ำ..มีป่า...มีชีวิต...กาแฟน่าน" โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด บมจ.ปตท. (PTT) ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชนในพื้นที่ และหอการค้าจังหวัดน่าน พื่อส่งเสริมเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มควบคู่กับการปลูกป่า อันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาผู้ประกอบการภาคธุรกิจกาแฟ ประกอบด้วย กลุ่มปลูก กลุ่มแปรรูป และกลุ่มร้านชงกลุ่มโรงคั่ว เพื่อรองรับกระบวนการผลิตและการตลาดตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทั้งนี้ ในงานดังกล่าว ปตท.ได้ลงนามซื้อกาแฟน่านจำนวน 70 ตันด้วย
"กิจกรรมเหล่านี้นับเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือร่วมใจของภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร นับเป็นความภาคภูมิใจของรัฐบาลที่ได้นำกลไกประชารัฐมาใช้แก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการท้องถิ่น เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนของท้องถิ่นให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน"นางอภิรดี กล่าว