นายรณดล นุ่มนนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.ขอความร่วมมือให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มปริมาณสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตชนิดธรรมดาให้มีความเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า หลังได้รับการร้องเรียนจากลูกค้าธนาคารพาณิชย์เกี่ยวกับการทำบัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตในลักษณะของการถูกบังคับให้ทำบัตรประเภทที่มีบริการอื่น ๆ เสริม โดยพนักงานธนาคารอ้างว่าบัตรแบบธรรมดาหมดและต้องใช้เวลารอนาน ซึ่งลูกค้าที่มีความจำเป็นต้องใช้บัตรเอทีเอ็มหรือบัตรเดบิตจึงต้องทำบัตรแบบที่มีบริการอื่นเสริม ทำให้มีภาระต้องจ่ายค่าธรรมเนียมรายปีสูงกว่าบัตรธรรมดา
ทั้งนี้ ธปท.ได้สำรวจปริมาณการสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตประเภทต่างๆ พบว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีการสำรองบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต ชนิดธรรมดาไว้ที่สาขาในปริมาณที่น้อยกว่าบัตรประเภทที่มีบริการอื่นเสริม ทำให้ลูกค้าไม่สามารถทำบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตตามชนิดที่ต้องการได้
ดังนั้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับสิทธิในการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามความจำเป็นซึ่งเป็นไปตามสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค ตามแนวนโยบายเรื่องการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 1 ต.ค.2556 แนวนโยบายเรื่องการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 21 พ.ย.2555 และ พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พ.ศ.2541 ที่ได้บัญญัติสิทธิของผู้บริโภคที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไว้ 5 ประการดังนี้
1.สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคำพรรณนาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
2.สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
3.สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
4.สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญา
5.สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
นอกจากนี้ ขอให้ทางหน่วยงานด้านการกำกับการปฎิบัติตามกฎเกณฑ์และหน่วยงานตรวจสอบภายในของธนาคารพาณิชย์มีส่วนร่วมในการกำกับดูแลและประเมินการปฎิบัติตามแนวปฎิบัติดังกล่าว